วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2550

บร็อคโคลีผัดกุ้ง

อาหารผัดๆ ทอดๆ ทำง่ายเช่นเคย

ส่วนประกอบมีดังนี้

1. บร็อคโคลี หัวนี้ประมาณ 70 เพน กินได้สองจาน

Broccoli

2. กุ้งแพ็กสำเร็จ แกะเรียบร้อยไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม (ราคาแพงมาก 2 ขีด เกือบ 3 ปอนด์แน่ะ อยู่เมืองไทยซื้อได้โลนึง)

IMG_0011.JPG

3. กระเทียม พริกสดนิดหน่อย

ขั้นตอน

1. บร็อคโคลีมาเป็นต้น หั่นให้เล็กพอดีคำ

IMG_0013.JPG

2. ซอยกระเทียม+พริกตามลำดับ กุ้งก็ไม่ต้องทำอะไร

IMG_0015.JPG

3. น้ำมันร้อน กระเทียมลง กุ้งตาม ใส่ซีอิ๊วกับพริกไทยเล็กน้อย

4. ซักพักก็ใส่พริกกับบร็อคโคลีตามลง ใส่น้ำมันหอย

IMG_0016.JPG

5. เติมน้ำเล็กน้อยให้มีน้ำผัดราดข้าว ตั้งกระทะรออีกสักนิดให้น้ำระเหยกลายเป็นซอส จะให้ดีควรใส่แป้งเล็กน้อยให้เหนียวแต่ไม่มีก็ข้ามไป

บล็อคโคลีผัดกุ้ง

สุดท้ายก็กินกับข้าวสวยอุ่นร้อนๆ อร่อยเยี่ยม

วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2550

ไก่กระเทียม

ขั้นตอนการทำ เริ่มจากหั่นเนื้อไก่ (ในที่นี้ซื้อเนื้ออกไก่มา)เป็นชิ้นเล็กๆพอดีคำ หมักด้วย พริกไทย น้ำปลา ซีอิ๊ว พริกไทย และกระเทียมหั่นแล้ว ใส่ตู้เย็นทิ้งไว้หนึ่งคืน หรือนานกว่านั้น จะได้เข้าเนื้อ จากนั้นเอาใส่กระทะตั้งไฟปานกลาง ยังไม่ต้องใส่น้ำมัน ให้ผัดจนกว่าน้ำในไก่ออกมาหมด แล้วไก่เริ่มสุก (สูตรแม่บอกมาอีกทีค่ะ)สังเกตพอไก่เริ่มเหลือง ก็ค่อยๆใส่น้ำมันลงไปนิดหน่อย ผัดต่อจนกระเทียมเริ่มเป็นสีน้ำตาลนิดๆ และเนื้อไก่เหลืองและดูกรอบมากขึ้น ก็ใส่จาน กินกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยมากมาย
ปล. จานนี้ไม่ได้ต้องการประชันกับหมูกระเทียมแต่อย่างใด บังเอิญว่าตั้งใจจะทำอยู่แล้ว >_< หมักไก่ไว้เมื่อสองวันก่อน เพิ่งได้ฤกษ์ทำวันนี้ค่ะ แหะๆ

วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2550

ปอเปี๊ยะสด


ปอเปี๊ยะสดเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ขั้นตอนการทำยุ่งยากนิดหน่อย แต่ความอร่อยสดทำให้หายเหนื่อย

ส่วนประกอบ
1. แป้ง Rice paper แช่น้ำร้อนให้นิ่ม
2. หมู ทำจากหมูสับผัดซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ และพริกไทย
3. ผัก ผักสลัด แครอท หรือผักอื่นๆ ตามอัตภาพ แต่ถ้าจะให้ดีควรมีถั่วงอกกับกะเพราด้วย
4. ซอส ใช้ซอส Hoi Sin (Oriental Barbecue Saure)

วิธีทำ
แผ่ rice paper ให้กว้าง แล้วใส่หมูกับผักตามต้องการ พยายามห่อให้แน่น แต่อย่าให้แป้งขาด จิ้มซอสนิดหน่อย อร่อยแบบสุขภาพดี

ข้าวหมูกระเทียม

หลังจากกินบะหมี่ผัดมาหลายมื้อ ก็ได้เวลากินข้าวกันเสียที เพราะว่าเดินข้ามครึ่งเมืองไปเอาหม้อข้าวมรดกชิ้นสุดท้ายมา หนำซ้ำยังไม่พอไปซูเปอร์มาร์เก็ต (คนจีน) ซื้อข้าวหอมมะลิมาด้วยอีก 5 โล กะว่าเย็นนี้ได้กินข้าวแน่ๆ

ตอนค่ำพอจะทำกับข้าว ปรากฎว่าเปิดตู้เย็นมาก็ถึงกับตกใจ เพราะลืมไปว่าผักหมด (เหลือแต่หมู) จะเดินไปซื้อก็กระไรเพราะว่ามันหนาว สุดท้ายเลย back to basic ทำหมูกระเทียมนี่ล่ะง่ายสุด

ขั้นตอนการทำหมูกระเทียมก็คงง่ายมากจนไม่ต้องอธิบายเยอะ เจียวกระเทียมหอมๆ เอาหมูตามลงไป ปรุงตัวน้ำปลากับพริกไทย ถ้าชอบหมูแข็งๆ กรอบๆ แบบผมก็ทอดนานหน่อย ที่สำคัญอย่าลืมเปิดพัดลมดูดอากาศเดี๋ยวฝรั่งมันด่า (บ้านเราไม่จำเป็น)

อันที่ยากคือหุงข้าวครับ เนื่องจากหม้อที่ได้มาเป็นหม้อหุงข้าวแบบใส่ไมโครเวฟ แล้วเกิดมาผมก็ไม่เคยทำมาก่อนเลย ไม่เป็นไร Google ช่วยได้ (วิธีทำ)

สรุปว่าซาวข้าวตามปกติ กะปริมาณข้าวให้ได้ซัก 1/3 ของหม้อ เยอะเกินเดี๋ยวล้น จากนั้นใส่น้ำลงไปประมาณเท่าตัวกว่าๆ ปิดฝาแล้วยัดเข้าไมโครเวฟ ทีนี้ขึ้นกับว่าไมโครเวฟไฟแรงแค่ไหน ของผมมันตั้งไฟไม่ได้แต่เขียนว่า 700 วัตต์ เลยตั้งเวลาประมาณ 10 นาที เสร็จแล้วก็ทิ้งไว้ซักพักรอให้ข้าวดูดน้ำเต็มที่ แล้วเราก็จะได้ข้าวสวยร้อนๆ กินกับหมูกระเทียม แหมถ้ามีไข่ดาวอีกฟองก็เจ๋งเลย แต่จะขโมยไข่ไก่ของแฟลตเมตก็กระไรอยู่ เอาแค่นี้ละกัน

ข้าวหมูกระเทียม

ที่หอมีแต่ซอสมะเขือเทศ กินๆ ไปแล้วอยากได้ซอสพริกศรีราชาแฮะ

วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2550

พะโล้



น้องใหม่ของบล็อกค่ะชื่อเล็ก เรียนป.เอก Physiology ที่ UIC ค่ะ ที่มาที่ไปอย่างอื่นคงพอรู้กันแล้วมั้งคะ เพิ่งเอาเมนูพะโล้ลงอีกบล็อกนึงไปก่อนที่จะมีชื่อเป็นหนึ่งใน contributors บล็อกนี้อะค่ะ ทำเลยดีกว่าเนอะ

1. ต้มไข่ ใส่เกลือลงไปเล็กน้อยด้วยนะคะ ใช้เวลาประมาณสิบนาที
2. ต้มน้ำอีกหม้อนึงรอจนเดือด ใส่กระเทียมทุบลงไปซักสองสามกลีบ
3. ใส่น่องไก่ลงไป รอจนไก่สุกแล้วใส่ผงพะโล้พอให้มีกลิ่นหอม(อาจใส่ผงพะโล้ก่อนก็ได้นะคะ ขั้นตอนไม่ตายตัวอะ ส่วนกรณีที่กลัวว่าผงพะโล้จะลงไปนอนก้น ก็ใส่ผงพะโล้ลงไปก่อนแล้วกรองหลังจากนั้นค่อยใส่ไก่ลงไปต้มค่ะ)
4. ใส่ซีอิ๊วดำเพิ่มสีสัน แล้วปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล พริกไทย
5. เอาไข่ต้มที่ปอกเปลือกแล้ว และเต้าหู้ทอดที่หั่นเป็นชิ้นสามเหลี่ยมพอดีคำใส่ลงไป
6. เคี่ยวต่ออีกซักพักด้วยไฟอ่อนๆ ก็พร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ

สูตรนี้ดัดแปลงนิดหน่อยค่ะ เพราะน่าจะใส่ซีอิ๊วดำหวานแทนซีอิ๊วดำใสธรรมดา น่าจะใส่น้ำตาลปี๊บเพื่อเพิ่มความหอม แล้วก็ไม่แน่ใจว่าต้องใส่โป๊ยกั๊ก,รากผักชี แล้วก็อบเชยด้วยป่าว หรือว่าพวกนี้มันรวมอยู่ในผงพะโล้อยู่แล้วก็ไม่รู้อะ แต่สรุปก็คือของพวกนี้ที่บ้านไม่มีอะค่ะ อร่อยรึเปล่าต้องลองถามตุ๊กตาหรือกอล์ฟดูนะคะ

วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2550

บะหมี่ผัด

อาหารมื้อแรกที่ทำใน UK เครื่องเครายังไม่ค่อยเข้าที่เท่าไรแต่อยากทำแล้วเลยเอาที่มี เป็นบะหมี่ผัดง่ายๆ แบบเดียวกับเราผัดมาม่ายังไงยังงั้น เพียงแต่อันนี้ใช้เส้นบะหมี่จีนแทนมาม่าเท่านั้นเอง

วัสดุที่ใช้มีดังนี้

บะหมี่จีน

หมูสับฝรั่ง
หมูสับฝรั่ง หายากหน่อยเพราะที่นี่มีแต่เนื้อ


อย่างสุดท้ายเป็นชุดผักสำหรับ Stir Fried สำเร็จรูป แพ็กเป็นถุงขายตามซูเปอร์ผัดได้ 2-3 จาน มีถั่วงอก แครอท กะหล่ำปลี ฯลฯ หั่นฝอยเรียบร้อยพร้อมใช้ เผอิญถ่ายมาแล้วเบลอเลยไม่ได้เอาลง

ขั้นตอนการทำ
  1. ต้มน้ำให้เดือด ใส่บะหมี่ลงไปพอประมาณที่จะรับประทาน จับเวลาประมาณ 3-4 นาที ระหว่างนี้ก็คนบ้าง
    ต้มบะหมี่
  2. หาชามอีกใบใส่น้ำเย็นรอไว้ พอคิดว่าได้ที่ก็คีบเส้นที่ต้มลงชามน้ำเย็นทันที แล้วรินน้ำทิ้ง
  3. ใส่น้ำมันพืชนิดหน่อยแล้วคลุกๆ กันเส้นติดกัน พักเส้นไว้แล้วไปตั้งไฟกระทะ
  4. เจียวกระเทียมก่อน ตามด้วยหมู
  5. พอหมูเริ่มสุกก็เอาเส้นลงผัด จังหวะนี้ใส่น้ำปลา+พริกไทยเล็กน้อย เครื่องปรุงจะติดเส้นช่วยเพิ่มรสชาติ
  6. เส้นได้ที่ก็เว้นที่ว่างในกระทะเอาผักลงตาม ใส่น้ำมันหอยผัดกับผัก แล้วผัดทุกอย่างรวมกัน แป๊บเดียวก็พอไม่ต้องผัดนาน

Fried Noodle

ผลงาน

บะหมี่ผัด

French Toast with Strawberry Topping


ตื่นมา เปิดตู้เย็นก็ไม่มีอะไรกินเลย ข้าวก็ไม่ได้หุง บะหมี่ก็ขี้เกียจต้ม สุดท้าย ก็ทำขนมปังฝรั่งเศสละกัน เอาไข่มาตีกับนมให้เข้ากัน ในขณะเดียวกัน ก็เอากะทะใบเล็ก ๆ ตั้งไฟแล้วเอาเนยใส่ลงไปในกะทะให้เนยมันละลาย พอเนยละลายก็เอามาตีกับไข่และนม พอไข่ นม และ เนยผสมเข้ากันดีแล้ว ก็เอาขนมปังมาชุบ พยายามเลือกขนมปังนี่หนาหน่อย ไม่งั้นมันจะขาดง่าย ชุบให้ขนมปังซับส่วนผสมดีแล้ว ก็เอาไปลงไปปิ้งในกะทะ หมั่นพลิกขนมปังไปมา ไม่งั้นจะใหม้ พอสุก ก็ทำเหมือนกันกับขนมปังอีกแผ่น

ส่วนของโรยหน้านั้น ก็แล้วแต่ จะไม่มีก็ได้ แต่พอดีมีสตรอเบอร์รี่ค้างคาอยู่ในตู้เย็นเยอะ ก็เลยเอามาหั่นให้เป็นชิ้นบาง ๆ แล้วก็วางแปะลงไปบนขนมปัง พอได้เป็นภูเขาสตรอเบอร์รี่แล้ว ก็เอา Maple Syrup หรือว่าน้ำผึ้งก็ได้ ราดลงไป ก็เป็นอันเสร็จพิธี

วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2550

แกงกระหรี่ไก่

วิธีทำ:หั่นไก่ และ มันฝรั่งที่ปอกแล้วเรียบร้อบ ให้เป็นชิ้นพอดีคำ หลังจากนั้นตั้งหม้อใส่หัวกะทิลงไป ใช้ไฟปานกลาง เอาน้ำพริกแกงกระหรี่ลงไปผัดกับหัวกะทิให้หอม จากนั้นเติมไก่ลงไป คนพอไก่เริ่มสุก ก็ใส่มันฝรั่งที่หั่น คนให้เข้ากัน เติมกะทิที่เหลือลงไป เคี่ยวต่อจนทุกอย่างสุกดี ชิมรสชาติ อาจเติมน้ำตาลกับน้ำปลาเพิ่มได้อีกนิด ก็เป็นอันเสร็จจ้า

วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2550

ข้าวมันไก่


ข้าวมันไก่เป็นอาหารที่ทำได้ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ ใช้เวลาไม่นาน และการควบคุมความอร่อยก็ไม่ได้ลำบากแต่อย่างใด วิธีทำข้าวมันไก่แบ่งออกเป็นสามส่วน

1. ไก่
ใช้ไก่ทั้งตัวต้มลงไปในหม้อใหญ่พร้อมรากผักชีทุบ ต้มจนสุกแล้วจึงนำไก่ออกมาหั่นเนื้อเก็บไว้ ส่วนกระดูกโยนกลับลงหม้อจะได้น้ำซุปที่เข้มข้น สาเหตุที่ใช้ไก่ทั้งตัวเพราะความมันอร่อยจะสมดุลที่สุด ถ้าใส่เฉพาะเนื้ออกข้าวและน้ำซุปจะจืดชืด แต่ถ้าใส่เฉพาะปีกหรือน่องน้ำซุปก็จะมันเกินไป

2. ข้าว
ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ ประมาณหนึ่งช้อนโต๊ะต่อข้าวหนึ่งถ้วย เจียวกระเทียมเล็กน้อยให้พอหอม แล้วใส่ข้าวสวยดิบลงไปผัด ผัดจนเข้ากันดี ข้าวบางเม็ดอาจได้รับความร้อนเปลี่ยนเป็นสีขาวขุ่นก็ไม่ต้องตกใจ เมื่อข้าวกับน้ำมันเข้ากันดีแล้วตักข้าวใส่หม้อ ใช้น้ำต้มไก่แทนน้ำเปล่าในการหุง แล้วหุงตามปกติ

3. น้ำจิ้ม
ทำจากเต้าเจี้ยว 2 ส่วน ซีอิ๊วขาว 2 ส่วน ซีอิ๊วดำ 1 ส่วน น้ำตาล 1 ส่วน ขิง กระเทียม ปรับรสชาติตามใจชอบ

เสร็จแล้วก็สับขิง กระเทียม พริก แตงกวา วางคู่เป็นเครื่องเคียง ตักซุปโรยต้นหอมนิดหน่อย เพียงเท่านี้ก็อร่อยหายห่วงแล้ว

วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2550

ต้มยำกุ้ง & ปลาหมึก


วิธีทำ

ต้มน้ำให้เดือด ใส่คนอร์ซุปก้อนลงไป ใส่เครื่องแกงต้มยำ (โลโบ้ช่วยคุณได้เสมอ :)) คนให้เนื้อเครื่องแกงละลายกับน้ำ ใส่ตะไคร้ และข่าลงไป จากนั้นเติมเห็ดฟาง กับเห็ดเข็มทอง พอเริ่มสุกดี ใส่มะเขือเทศกับหอมหัวใหญ่ที่หั่นเรียบร้อยแล้ว คนให้เข้ากันปรุงรสตามใจชอบ เพิ่มน้ำปลา บีบมะนาว ใส่พริกเผาได้อีกนิดเพิ่มความหวาน พอทุกอย่างสุกดีแล้ว เติมกุ้ง กับ ปลาหมึก ลงไป เร่งไฟให้เดือด จนกุ้งกับปลาหมึกเริ่มสุกดีก็ปิดไฟได้เลย (ไม่ควรต้มนาน เดี๋ยวกุ้งกับปลาหมึกแข็งจะไม่อร่อย)

วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2550

น้ำพริกกะปิกับผักชุบไข่ทอด

น้ำพริกกะปิเป็นอาหารคู่ครัวของคนภาคกลาง เหมือนน้ำพริก(ตา)แดงของคนภาคเหนือ วิธีการทำก็ไม่อยาก แต่อาจจะเป็นปัญหาสำหรับคนที่อยู่ต่างประเทศบ้าง เพราะอาจจะหาเครื่องปรุงได้ไม่ครบ เช่น มะอึก เป็นต้น

การทำน้ำพริกกะปิก็เริ่มจากการเอากะปิมาเผาไฟให้หอม ถ้ามีใบตอง ก็ห่อใบตอง แต่ถ้าไม่มี ก็ใช้อลูมิเนียมฟอยล์ก็ได้ พอกะปิหอม ก็เอามาโขลกกับกระเทียม ถ้าไม่มีครก ก็ใช้เครื่องปั่นอาหาร(ภาษาอังกฤษจะเรียก blender หรือว่า  food processor) ก็ได้ (ในรูปก็ใช้เครื่องปั่นอาหารแบบมือถือทำ เครื่องปั่นอาหารแบบนี้เหมาะกับการมีไว้คู่ครัวเป็นอย่างยิ่ง) พอกะปิกับกระเทียมเข้ากันแล้ว ก็บีบมะนาวลงไป ตามด้วยน้ำตาลปึกและพริกขี้หนู อย่าใส่พริกขี้หนูเยอะ เพราะถ้าเผ็ดแล้วแก้ยาก ถ้ามีกุ้งแห้ง มะอึก มะเขือพวง หรือว่ามะเขือเปราะก็ใส่ลงไป แล้วก็โขลก หรือว่าปั่นไปเรื่อย ๆ จนเข้ากับหมด ระหว่างนั้นก็คอยชิมรสแล้วก็เติมน้ำมะนาว น้ำปลา หรือว่าน้ำตาล ตามสมควร เสร็จแล้วก็เทใส่ถ้วยไว้

ส่วนผักชุบแป้งทอดนั้น ถ้ามีชะอมก็จะดีมาก แต่ในต่างประเทศอาจจะหายาก ลองใช้watercrest ก็ได้รสชาติดีเหมือนกัน ก็เอาไข่มาตีให้เข้ากับปรุงรสนิดหน่อย เสร็จแล้วก็เอาชะอมหรือว่า watercrestมาสับให้เป็นท่อนสั้น ๆ ยาวสัก 1 cm. แล้วก็เอาไปคลุกกับไข่ให้เข้ากัน ตั้งกะทะให้ไฟแรง เทน้ำมันลงไป พอน้ำมันร้อน ก็เทผักชุบไข่ลงไปทอด พยายามใช้ตะหลิวเกลี่ย ๆ ให้ผักชุบไข่แผ่ออกจะได้เป็นแผ่นแบน ๆ พอด้านล่างสุก ก็พลิกเอาด้านบนลงไปทอดบ้าง พอสุกทั้งสองด้าน ก็เอาขึ้นมาซับน้ำมัน แล้วก็ตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ กินพร้อมกับน้ำพริกได้เลย

นอกจากผักชุบไข่แล้ว หน่อไม้ ผักลวก ปลาทูหรือว่าปลาสลิดทอด ก็กินกับน้ำพริกกะปิอร่อยเหมือนกัน

วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2550

แกงส้มไข่เจียว

ไม่มีชะอมเลยใส่แต่ไข่เจียว (ก็อร่อยดีนะคะ)

โย่ๆ ในที่สุด ก็ได้มาอัพบล็อกเองซะที อ๊ะ...ลืมแนะนำตัวค่ะ ชื่อ ตุ๊กตา เป็นลูกพี่ลูกน้องกับกอล์ฟค่ะ ทุกวันนี้ใช้ชีวิตอยู่ที่ชิคาโก้ ฝึกฝนภาษาอังกฤษอย่างคร่ำเคร่ง อาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกับกอล์ฟ มีหน้าที่ทำอาหารค่ะ (เนื่องจากไม่อยากบริโภคอาหารอเมริกันค่ะ)จริงๆทำไว้หลายอย่างมาก แต่คนอัพก่อนหน้านี้เค้าไม่มีเวลาอัพให้ >_< สืบเนื่องมากจากว่า "เค้ามีภาระต้องดูแลหลายอย่าง จากสิ่งสำคัญที่สุด(ความรักที่เพิ่งก่อตัว) รองลงมาเรื่อยๆ ทำให้ไม่มีเวลามาอัพบล็อกนี้ให้น้องสาวเท่าไร" ไม่เป็นไร...ไม่ง้อแล้ว อุอุ
วิธีทำ ทอดไข่เจียว แล้วหั่นเป็นคำๆ รอพักไว้ เอาหม้ออีกใบใส่น้ำ ต้มน้ำให้เดือด ใส่คนอร์ซุป หรือ ไม่ใส่ก็ได้ รอจนน้ำเดือดใส่เครื่องแกงส้มลงไป พอเครื่องแกงละลายดีแล้ว เติมผักตามใจชอบ เช่น ถั่วฝักยาว ผักกาดขาว ผักบุ้ง Yellow squash ปรุงด้วยน้ำปลาน้ำตาล น้ำมะขามเปียก พอผักเริ่มสุก เติมกุ้งลงไป ตามด้วยไข่เจียวที่หั่นไว้ คนให้เข้ากัน (ตอนทำไม่มีน้ำมะขามเปียกค่ะ ใส่มะนาวแทน แถมไม่มีครกที่จะตำเครื่องแกงกับเนื้อกุ้งก่อน เลยทำให้น้ำแกงไม่ค่อยเข้มข้น)

ปล. แนะนำให้กินกับ ปลาสลิดทอดกรอบ จะอร่อยมาก

วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2550

แกงเขียวหวานลูกชิ้น


เริ่มจากผัดน้ำพริกแกงเขียวหวานกับหัวกะทิจนเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นใส่ลูกชิ้นลงไป พอเริ่มสุกจึงเติมกะทิส่วนที่เหลือ ต้มสักพักก็ใส่มะเขือ (ในรูปใช้ yellow squash แทน) ต้มต่อจนกะทิแตกมันดีจึงปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาล ตามชอบ แล้วจึงใส่ใบโหระพากับใบมะกรูดเป็นขั้นตอนสุดท้าย

--Tukta

วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2550

จับฉ่าย

จับฉ่ายเป็นอาหารที่ทำบ่อยตอนที่ผักมีอยู่เต็มตู้เย็นและใกล้จะเสีย วิธีการทำก็ไม่อยาก เอาน้ำใส่หม้อใหญ่ ๆ แล้วก็ใส่โครงไก่และกระดูกหมูลงไปต้มเป็นน้ำซุบไว้ พอน้ำเดือด ก็หั่นหมูสามชั้นเป็นชิ้นใหญ่ ๆ ใส่ลงไป แล้วก็หรี่ไฟลงเคี่ยวหมูไปเรื่อย พร้อมกันนั้น ก็ไปล้างผัก ผักที่ใส่จับฉ่ายได้ ก็เช่น ผักกาดขาว ผักกวางตุ้ง คะน้า หัวไชเท้า คื่นฉ่าย เป็นต้น เมื่อล้างผักเสร็จแล้ว ก็เอาไปหั่นเป็นชิ้นใหญ่ ๆ เสร็จแล้วตั้งกะทะเจียวกระเทียมกับน้ำมัน เอาผักลงไปผัดกับน้ำมันพร้อมกับใส่ซีอิ้วดำ(ซีอิ้วหวาน)ลงไปเยอะพอควร ถ้ามีผักเยอะก็แบ่งผัดไปเรื่อย ๆ พอผักสุก ก็ใส่ซี่อิ้วขาวนิดหน่อย แล้วก็เทของที่อยู่ในกะทะลงไปในหม้อ ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนผักหมด เสร็จแล้วก็เร่งไฟไปที่ไฟกลางต้มไปจนผักสุก ชมดูว่ารสได้หรือยังก็ใส่ซีอิ้วขาวกับซีอิ้วดำลงไปนได้รสเสร็จแล้วก็หรี่ไฟ ต้มผักไปเรื่อย ๆ จนผักเริ่มละลาย หรือสังเกตุจากหัวไชเท้าเร่ิมใส ก็กินได้แล้ว

แต่เป็นที่รู้กันว่า จับฉ่ายจะอร่อยก็ต่อเมื่อต้มกินไปหลายวันแล้ว เพราะผักจะละลายไปกับน้ำ ได้รสชาติที่อร่อยกว่าต้มกินวันแรก

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2550

สตูว์ไก่



เครื่องปรุง:
๑ หอมหัวใหญ่กับมะเขือเทศ สับละเอียด
๒ เบบี้แครอท
๓ สะโพกไก่ประมาณสี่ชิ้น
๔ ซอสมะเขือเทศ
๕ เนยสด
๖ เกลือ
๗ น้ำตาล
๘ พริกไทย

ขั้นตอนการทำ

๑ ใส่ไก่ลงไปต้มจนสุกดี แล้วค่อยทะยอยใส่เบบี้แครอทลงไปต้มให้สุก
๒ ใส่มะเขือเทศและหอมหัวใหญ่สับลงไปต้มจนเปื่อย
๓ เคี่ยวไปซักพักจนเข้ากันดีแล้ว เติมเนยลงไปประมาณครึ่งก้อน
๔ พอเนยละลายดี เติมซอสมะเขือเทศ เกลือ น้ำตาล พริกไทย
๕ เคี่ยวต่อซักพัก หากอยากให้น้ำเหนียวดูน่ารับประทานให้เติมแป้งข้าวโพดะลายน้ำนิดหน่อย
๖ ตักราดบนข้าวสวยร้อนๆ

-- Tukta

วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2550

เต้าหู้ทรงเครื่อง



อาหารง่าย ๆ เริ่มจากเอาเห็ดหอมมาตัดก้านออก แล้วก็ทอดกับน้ำมันในกะทะไฟแรง ๆ ให้เหลือง เสร็จแล้วก็ขึ้นมาพักไว้ เสร็จแล้วก็เอาเต้าหู้แข็ง(เต้าหู้แบบที่ใส่ในผัดไทยก็ได้) มาทอดให้แห้งกรอบ แล้วก็เอาขึ้นไปพักไว้เช่นกัน หรี่ไฟลง แล้วเอาแครอทหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ มาผัดกับน้ำมันหอย ขณะเดียวกันก็ตั้งอีกหม้อหนึ่งเอาน้ำใส่ลงไปนิดหนึ่ง เสร็จแล้วก็ใส่ซุบไก่ก้อน ส่วนในกะทะที่หรี่ไปฟแล้วก็เอาพอแครอทสุกนุ่ม ก็เอาหมูสับลงไปผัดให้สุก พอหมูสุกแครอทนุ่ม ก็เอาซีอิ้วขาวลงไป ซีอิ้วดำราดให้เยอะ เสร็จแล้วก็เร่งไฟให้น้ำซุปเดือด เสร็จแล้วเอาแป้งมันละลายน้ำเย็น พอซุบเดือด ก็เทส่วนผสมในกะทะลงไปในหม้อ แล้วก็เทแป้งมันละลายน้ำลงไปเสร็จแล้วก็คนไว ๆ พอน้ำข้นใช้ได้ ก็เทราดลงไปบนเห็นหอมและเต้าหู้ ก็กินได้แล้ว