วันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2551

แกงเขียวหวาน

เคยมีคนโพสต์ แกงเขียวหวานลูกชิ้น ไปแล้ว ขอโพสต์แข่งบ้างนะครับ ไม่ว่ากันนะ

Thai Green Curry

สูตรนี้ลอกมาจากครัวจีนที่เคยไปฝึกงาน คือใส่หอมใหญ่กับพริกหยวกด้วย ส่วนมะเขือไม่ใส่เพราะว่ามันแพง....มาก (4 ลูกปอนด์หนึ่ง เห็นราคาแล้วเหงื่อหยด) คราวนี้ที่บ้านไม่มีพริกพยวก เลยใส่แค่หัวหอมกับถั่วฝักยาว

เริ่มต้นก็เอาหอมไปผัดน้ำมันให้หวานก่อน ตักเก็บไว้ แล้วผัดพริกแกงเขียวหวาน 1 ซองโลโบ้กับกะทิ 1/2 กระป๋องใหญ่ (400 กรัม) ผัดไปสักพักพอเข้าท่าแล้วก็เอาหมูลง ตามด้วยหอม ถั่วฝักยาว ใบมะกรูดแห้ง เติมน้ำตาลนิดหน่อยให้รสกลมกล่อม น้ำปลาไม่ต้องเติมเพราะมันเค็มมากอยู่แล้ว สุดท้ายผมเติมน้ำอีกนิดไม่ให้ข้นเกินไป

จะให้อร่อยควรกินกับไข่เค็มดาว เสียดายว่าคิดช้าไปหน่อย ทำรอไม่ทัน

วันจันทร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2551

แกงฮังเล

จำไม่ได้ว่าใครอยากกิน แต่เป็น project ที่คุยกันไว้นานมาก จนวันหนึ่ง ก็ได้ทำ(แต่เครื่องปรุงดันขาด -_-'''' เอาไว้แก้มือใหม่)

วิธีการทำ ก็ไม่ยากครับ เริ่มจากเอาหมูสามชั้น มาหั่นเป็นชิ้นลูกเต๋าขนาดประมาณ 1.5-2 นิ้ว เสร็จแล้วก็คลุกเคล้าด้วยซีอิ้วดำ แล้วก็พัก เสร็จแล้วก็ตำน้ำพริกที่ประกอบไปด้วย ข่า ตะไคร้ พริกแห้ง กระเทียม หอมแดง เกลือนิดหน่อย ตำให้เข้ากัน เสร็จแล้วก็เอาลงไปคลุกกะหมู ทิ้งไว้ใสักหนึ่งชั่วโมง

พอหมูหมักได้ที่แล้ว ก็เอากะทะตั้ง ใส่น้ำมันนิดหน่อย แล้วก็ตั้งไฟอ่อน ๆ ครับ แล้วก็เอาหมูลงไปผัด ก็ผัดไปเรื่อย ๆ ครับ ที่สำคัญคือ อย่าใช้ไฟแรงมาก ผัดไปจนหมูตึงตัว (สังเกตตรงที่หนังมันจะหดลงไปมาก และไม่มีสีเลือดให้เห็น) ก็เทน้ำลงไปพอท่วม แล้วใส่ผงแกงฮังเล หรือว่าผงกะหรี่มานดราส ลงไปนะครับ แล้วก็เคี่ยวไปเรื่อย ๆ ระหว่างนี้ ก็ซอยขิงเป็นเส้นยาว ๆ แล้วก็ปอกเปลือกกระเทียมเป็นหัว ๆ โยนลงไป (บางบ้านจะใส่ถั่วลิสงคั่วด้วย แต่ผมไม่นิยม) ก็เคี่ยวไปเรื่อย ๆ จนหมูนุ่มครับ ถ้าน้ำงวด ก็เติมน้ำใหม่ได้ แล้วก็ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก กับ เกลือนะครับ ให้เผ็ด เค็ม แล้วก็อมเปรี้ยวนะครับ พอหมูนุ่มมาก ๆ ก็ยกมากินได้เลยครับ :)

วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2551

ข้าวเหนียวมะม่วง

วันนี้เด็กที่บ้านอยากกินข้าวเหนียวมะม่วง แถมซื้อมะม่วงมารอไว้แล้วก่อนด้วย ก็เลยทำอย่างที่เห็น



วิธีการทำก็ไม่ยากครับ เอาข้าวเหนียวมาแช่น้ำทิ้งไว้อย่างน้อย 3 ชั่วโมง จะให้ดี ก็ทิ้งค้างคืนไว้นะครับ ถึงเวลาก็ตั้งหม้อนึ่งแล้วก็นึ่งข้าวนะครับ ระหว่างนั้นก็เอากะทิทั้งไฟอ่อน ๆ อีกหม้อหนึ่ง อย่าให้ไฟแรงมากนะครับเดี๋ยวจะแตกมัน ใส่น้ำตาลเข้าไปตามด้วยเกลือ ให้เค็ม ๆ มัน ๆ พอกะทิเดือด ก็ปิดไฟ แล้วพอข้าวหนียวสุก ก็ใส่ลงไปในหม้อกะทิแล้วก็คนให้เข้ากัน (ภาษาชาวบ้านเรียกว่า มูลข้าวเหนียว) พอเข้ากันดีแล้วก็ปิดฝาไว้ให้มันระอุ แล้วก็ไปตั้งหม้ออีกหม้อ เอากะทีใส่เข้าไปน้ำตาลกับเกลือนิดหน่อยแล้วก็ใส่แป้งข้าวโพดแล้วก็คนจนเหนียวนิด ๆ ก็ปิดไฟ

เวลากินก็เอาข้าวเหนียวใส่จาน ตามด้วยมะม่วง ราดด้วยน้ำกะทิ แล้วโรยด้วยงาคั่ว

วันจันทร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2551

ปอเปี้ยะทอด

อยู่ดี ๆ เด็กที่บ้าน ก็อยากกินปอเปี้ยะทอดครับ



หน้าตาก็ออกมาแบบรูปข้างบนแหละครับ ขั้นตอนแรก ก็ต้องเตรียมใส้ก่อน ใส้ปอเปี้ยะทอดนี่ก็แล้วแต่ชอบครับ หลัก ๆ ก็ต้องมีเนื้อสัตว์เช่นหมูหรือว่าไก่ก็ได้ ผัก แล้วก็วุ้นเส้น แต่ใครจะใส่อะไรแปลก ๆ ก็แล้วแต่ชอบครับ ที่ผมทำก็ใช้เนื้อไก่บด วุ้นเส้น กระหล่ำปลี และ เห็ดหอมครับ



ส่วนผสมแต่ละอันก็ควรสับหรือว่าซอยให้ละเอียดนะครับ อย่าให้มันเป็นชิ้นใหญ่ ๆ ส่วนไข่แดงที่เห็น คือ เอาไข่ขาวมาใช้ติดแผ่นแป้ง ไข่แดงเหลือ ก็เลยผัดกับส่วนผสมไปเลย พอเตรียมเครื่องเสร็จแล้ว ก็เอากระทะตั้งไฟใส่น้ำมันลงไป



ถ้ากระทะร้อนช้า ก็อาจจะต้องอัดพลังลมปราณลงไปช่วยแบบรูปข้างบนนะครับ พอกระทะร้อน ก็เอาเนื้อสัตว์ลงไปผัดกับน้ำมัน และกระเทียมก่อน พยายามขยี้ตะหลิวไว ๆ เพื่อให้เนื้อแยกออกจากกันนะครับ ใส่น้ำมันหอย ซีอิ้วขาวกับพริกไทยลงไปเพื่อปรุงรสตามชอบด้วย พอเนื้อสัตว์เริ่มสุก ก็ใส่กะหล่ำปลีกับเห็ดหอมลงไป พอเนื้อสุกผักนุ่ม ก็ใส่วุ้นเส้นลงไปผัดให้สุก แล้วก็เอามาพักไว้ให้เย็นครับ (ถ้าใส้ยังร้อนอยู่ เวลาห่อจะห่อยาก และแป้งอาจจจะแตกครับ)



เสร็จแล้วก็เอาแป้งปอเปี้ยะออกมาจากตู้เย็น แล้วทิ้งไว้ให้หายเย็นนะครับ (อาจจะต้องเอาผ้าชุบน้ำวางทับไว้ด้วย ไม่ให้แป้งแห้งเกินไป) เสร็จแล้ว ก็เอามาห่อ การห่อก็ไม่ยากครับ เอาแป้งมาวางบนพื้นเรียบ ๆ เสร็จแล้วตักใส้ใส่ลงไป ให้ใส้วางชิดมุมล่างของแป้งนะครับ ตามรูปด้านล่างนะครับ



เสร็จแล้วก็พับมุมล่างขึ้นไปให้มันห่อแป้งไว้ ยัดมุมของแผ่นแป้งลงไปใต้ใส้นะครับ (ในรูปด้านล่าง จะเห็นที่นิ้วซ้ายชี้อยู่นะครับ)



เสร็จแล้วก็พับแป้งด้านซ้ายและด้านขวาเข้ามา ให้มันปิดปลายสองด้านของม้วนแป้งไว้นะครับ



เสร็จแล้วก็ค่อย ๆ ม้วนแป้งขึ้นไปด้านบนนะครับ จนเหลือปลายนิดหนึ่ง ก็เอานิ้วจิ้ม ๆ ไข่ขาวมาทา ๆ แทนกาวนะครับ แล้วก็ม้วนขึ้นไปจนสุด



พอม้วนเสร็จ ก็เอามาเรียง ๆ ใส่จานไว้นะครับ ถ้าทำเยอะ ๆ ก็ใส่ฝาปิดให้สนิทแล้วแช่ตู้เย็นไว้ก่อนก็ได้ครับ



ตอนม้วน ต้องตั้งสมาธิดี ๆ นะครับ อาจจะต้องมีการแปล่งลมปราณกันนิดหน่อย



ม้วนเสร็จ ขั้นต่อมาคือการทอดนะครับ ก็เอาหม้อตั้งไฟ ใช้ไฟแรงหน่อย ไม่งั้นจะสุกช้า แล้วใส้จะอมน้ำมันนะครับ ก็เอาปอเปี้ยะที่ม้วนแล้ว ลงไปทอด



ทอดเสร็จ ก็เอาขึ้นมาพักน้ำมันไว้นะครับ กินร้อน ๆ กับน้ำจิ้มไก่ หรือว่าน้ำจิ้มปอเปี้ยะนะครับ

วันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2551

Celery ผัดหมู

Celery ผัดหมู


เพิ่งกลับมาจากทัวร์เบลเยียม 5 วัน กลับมาแทบไม่เหลือของสด (เพราะโละทิ้งก่อนจะไป) ขี้เกียจออกไปซื้อใหม่เลยขุดที่เหลืออยู่ในตู้เย็นมาทำกับข้าวกิน มีแค่เซเลรี่ (ขึ้นช่ายฝรั่ง) กับหมูสับ เสียดายถ้ามีกุ้งเสียหน่อยน่าจะอร่อยกว่านี้

ขั้นตอนก็ง่ายๆ ครับ หั่นเซเลรี่เป็นชิ้นๆ ผัดกับหมูสับ ใส่พริกนิดหน่อย ผัดไปสักพักเติมน้ำให้พอมีเกรวี่ขลุกขลิก (เพราะเซเลรี่เป็นผักที่มีน้ำน้อย จะหวังให้น้ำผักออกมานี่ยาก) เท่านี้ก็พอมีอะไรกินกันตายไปอีกมื้อแล้ว

ปลานึ่งสมุนไพร(มั้ง)

เด็กที่บ้านซื้อปลามาสดมาก ก็เลยบอกว่าให้ทำปลานึ่งซึอิ้ว แต่ว่า แต่ว่า ขิงหมด ก็เลยต้องเปลี่ยนมาทำปลานึ่งสมุนไพรแทน (เพราะมันไม่ต้องใส่ขิง) วิธีการทำก็ไม่ยากครับ ถ้าเป็นปลาชิ้น ก็จับเรียงใส่จานเลย ถ้าเป็นปลาตัว ก็เอามาผ่าท้องล้างใส้ แล้วก็เอามีดเฉือน ๆ ผิวนิดหนึ่ง เสร็จแล้วก็เอามาใส่ในงาน ตามด้วย ตะไคร้ทุบวางเรียง ๆ ลงไปรอบ ๆ ใบมะกรูดฉีก ๆ โปรยลงไป ตามด้วยกระเทียมและหอมแดงทุบ ผิดท้ายด้วยซีอิ้วขาวราดลงไปพอประมาณ

เอาหม้อนึ่งตั้งไฟ พอน้ำเดือด ก็เอาปลาลงไปนึ่งสัก 15-20 นาที กะดูว่าปลาสุกดี ก็ใช้ได้แล้วครับ :)