วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2550

Rice Crispy


วิธีทำ เริ่มจากนำเนยจืดประมาณสามช้อนโต๊ะ ละลายในกะทะที่ตั้งบนไฟอ่อน พอเนยละลายดีแล้ว ให้ใส่มัชเมโลหนึ่งถุง (10 0z.) หมั่นคน จนมัชเมโลละลายทั่ว จากนั้นให้เติม Kellogg อาหารเช้าที่หน้าตาแบบในภาพ เป็นเม็ดรีๆเหมือนเมล็ดข้าว (จริงๆวิธีทำข้างกล่องไม่ได้บอกว่าให้เติมไปเท่าไร แต่ดูจากปริมาณแล้ว กลัวเยอะไป เลยใส่แค่ครึ่งกล่องจากหนึ่งกล่องใหญ่)
ปิดไฟ คนให้เข้ากัน ถึงตรงนี้ต้องใช้พลังพอสมควร เนื่องจาก พอมัชเมโลเริ่มจะคืนตัวอีกรอบจะหนืดมากๆ ต้องรีบคนให้เข้ากันมากที่สุด เสร็จแล้วตักใส่พิม หรือ ใส่ถาดใหญ่ๆ ความสูงประมาณสองนิ้ว กดให้เรียบทั่วๆถาด ตั้งทิ้งไว้จนเย็น ก็ใช้มีดตัดเป็นชิ้นๆ ใช้เป็นของว่าง กินกับชา หรือกาแฟ ก็อร่อยค่ะ จะได้ความหอมหวานของเนยและมัชเมโลมากๆ ขอ recommend จ้า

วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2550

ส้มตำ


ส้มตำเป็นอาหารประจำชาติของคนไทย แต่ปกติแล้วถ้าอยู่ต่างประเทศ จะหาส่วนประกอบหลักคือมะละกอยากมาก ถึงหาได้ก็แพงหรือสุกเกินไปไม่เหมาะกับการนำมาทำส้มตำ

Swede หรือบางที่เรียก Turnip หรือ Rutabaga เป็นพืชที่มีหัวใต้ดิน หน้าตาข้างนอกกลมๆ รีๆ คล้ายมันเทศ สามารถเอามาใช้แทนมะละกอดิบได้เป็นอย่างดีครับ

ปอกเปลือก Swede ออกแล้วผ่าเป็นเส้นบางๆ ยิ่งบางเท่าไหร่ได้ยิ่งดี แต่เนื่องด้วย Swede จะแข็งกว่ามะละกอพอสมควร ขั้นตอนนี้อาจจะกินแรงนิดหน่อย ถ้าผ่าได้ช้าก็โยนเส้นที่ผ่าเสร็จแล้วลงแช่ในน้ำเย็นก่อน จะได้รักษาความสดกรอบไว้ เสร็จแล้วหั่นถั่วฝักยาว มะเขือเทศ เตรียมไว้

ตำกระเทียมก่อนให้แหลกก่อน ตามด้วยพริก แล้วตามด้วยเส้น Swede ตามด้วยถั่วฝักยาวและมะเขือเทศ กุ้งแห้ง ถั่วลิสง แล้วปรุงรสด้วยน้ำปลา มะนาว น้ำตาล ตามชอบ บางคนอาจจะใส่กะปิ ปลาร้า กุ้งสด หรือปูเข้าไปด้วยก็ไม่ผิดแต่อย่างใด แต่อย่าใส่วาซาบิเพราะมันจะแปลกประหลาดเกินไป

จัดเสริฟกับผักสดเช่น ผักกาด ผักบุ้ง หรือผักอื่นๆ ตามฤดูกาล กินกับข้าวเหนียวไก่ย่าง อิ่มอร่อยไปอีกมื้อครับ

วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2550

French toast


วิธีทำ เริ่มจาก เอาขนมปังสไลด์เป็นแผ่นๆ (บังเอิญว่าไม่มีขนมปังฝรั่งเศสอะจ้า) มาชุบกับ ไข่ไก่สองฟองที่ตีผสมกับนมเรียบร้อยแล้ว ชุบขนมปังให้ชุ่มทั้งสองด้าน

นำกะทะตั้งไฟ ใช้ความร้อนระดับปานกลาง เอาเนยทาลงบนกะทะให้ทั่ว พอเริ่มร้อนดีแล้ว เอาขนมปังลงไปทอด ค่อยๆดูจนกว่าจะเหลือง และเริ่มเป็นสีน้ำตาล คอยพลิกกลับไปมา เพื่อให้เหลืองทั้งสองด้าน

เสิร์ฟกับ น้ำผึ้ง แยมผลไม้ เนย กล้วย หรือกินกับ แฮม เบคอน ก็อร่อยเหมือนกันค่ะ (เลือกเอาตามที่ชอบเลยค่ะ)

วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2550

ปลาดุกฟูหมูยอ


แน่นอนว่าปลาดุกฟูจะอร่อยที่สุดก็ต้องทำจากปลาดุก แต่ถ้าหาปลาดุกไม่ได้ ก็สามารถใช้ปลาอะไรก็ได้ที่ไม่มีกลิ่นคาวมาก เช่น Perch หรือ Basa มาทำแทน

เริ่มจากย่างปลาให้สุก จริงๆ แล้วจะเอาจนสุกหรือแค่เกือบสุกก็ได้แต่ไม่ต้องรอถึงให้เกรียม เมื่อปลาสุกดีแล้วเอาปลามายีให้เป็นขุยด้วยส้อมหรือถ้าไม่ร้อนจะใช้มือก็ได้ ระหว่างรอยีให้ละเอียด ก็ใส่น้ำมันลงในกระทะรอให้ร้อน พอน้ำมันร้อนก็เอาปลาลงทอด ระหว่างทอดควรจะพยายามคนตลอดเวลาระวังอย่าให้ไหม้ ถ้าเนื้อปลามีน้ำเยอะน้ำมันอาจจะกระเด็นมาก ทอดจนปลากรอบแล้วยกลง

หั่นกระเทียม พริก ผักชี แล้วปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล มะนาว เน้นรสเปรี้ยวอมหวานนิดหน่อย หั่นหมูยอหรือไก่ยอเสริฟเคียงกับปลาทอด เวลากินคู่กันจะได้ทั้งความกรอบและความนุ่ม เสร็จแล้วก็ราดน้ำยำหรือแยกเสริฟเป็นถ้วยแล้วแต่ชอบ

วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2550

ปูอบวุ้นเส้น


ทำเหมือนกุ้งอบวุ้นเส้น แต่เปลี่ยนเป็นใช้ปู แล้วก็ปรุงรสให้เข้มกว่านิดหน่อยแค่นั้นหละครับ ^^

วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2550

ข้าวกระเพราไข่ดาว Lobo

กระเพราไข่ดาว

อาหารประจำชาติครับ

เผอิญว่าแถวนี้มันบ้านนอกหาใบกระเพราสดไม่ได้ (เจอใกล้เคียงสุดคือโหระพาในร้านจีน ส่วนร้านไทยก็มีแต่มันเดินไกลมากเลยถอย) เลยลองใช้กระเพรา Lobo ดูว่าเป็นไง เกิดมาก็ไม่เคยทำสูตรนี้

ขั้นตอนก็ไม่มีอะไรมาก
  • ถ้าอยากกินไข่ดาวด้วยก็ทอดไข่ดาวให้เรียบร้อยก่อน น้ำมันที่เหลือจะได้เอาไปผัดต่อได้
  • ตั้งไฟ กระเทียมนำ รอให้ร้อน
  • (สำคัญมาก) เปิดหน้าต่าง เปิดพัดลมดูดอากาศ max ไล่รูมเมท/แฟลตเมตออกไปจากครัว
  • ฉีกซอง Lobo แล้วเทลงไปในกระทะ รวบรวมสติเพราะจังหวะแรกมันจะ "ฟู่" มาก พอหายตกใจก็เอาช้อนกวาดๆ ที่เหลือลงให้หมด
  • เอาหมูสับตามลงไป ใส่น้ำปลากับพริกเพิ่มเล็กน้อยตามชอบ ผมเติมน้ำตาลลงไปนิดนึงพอให้รสกลมกล่อม
ตักราดข้าวสวยร้อนๆ เอาไข่ดาวโปะ เท่านี้เราก็จะมีอาหารประจำชาติไว้เชิดหน้าชูตาฝรั่งได้ (แต่เข้าใจว่ามันคงไม่ซาบซึ้งไปกับเราแถมแอบด่าในใจว่าทำครัวเหม็น)

วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2550

ยำเคบับ


ซื้อเคบับมาแต่อันมันควายมาก กินไม่หมดเลยแบ่งเนื้อครึ่งนึงเก็บไว้กินวันหลัง ว่าแล้วก็ลองยำดูซะเลยว่าเป็นยังไงบ้าง

ส่วนประกอบ
  • เนื้อเคบับ
  • ไส้กรอก
  • แฮม
  • ผักสลัดแพ็กสำเร็จ (Sainsbury's มันลดราคา) มีหลายอย่าง
  • หอมใหญ่ 1/2 หัว
  • มะนาว 1 ลูก (อันนี้ใช้ lime)
  • พริกขี้หนูตามชอบ (ที่ทำใช้ 4 เม็ด)
  • น้ำตาล น้ำปลา
วิธีทำ

ส่วนของเนื้อก็ทำให้สุกก่อน อย่างในกรณีนี้ทอดไส้กรอกเก็บไว้หลายวันไม่ได้กินซะทีเลยเอามายำด้วย ส่วนแฮมก็สุกมาตั้งแต่ซูเปอร์มาร์เก็ตแล้ว ผมใช้วิธีเอาเนื้อทั้งสามอย่างเข้าเตาอบ (เตาใหญ่ไม่ใช่ไมโครเวฟ) ตั้งไฟแรงหน่อยเพราะอยากให้มันเกรียมๆ พอได้ที่แล้วก็หั่นให้พอดีคำ กะว่าให้ตอนกินไม่ลำบาก

ส่วนผักก็ไม่มีอะไรมาก ผักสลัดมันสำเร็จอยู่แล้วแค่ล้างก็พอ หั่นหอมใหญ่กับพริก บีบมะนาว เติมน้ำตาลน้ำปลาแล้วคลุกๆ ชิมดูว่าโอเคมั้ย อันนี้ใช้ lime มันไม่ค่อยเปรี้ยว (ขนาดผมไม่ชอบเปรี้ยว) แต่ก็ไม่มีทางเลือกไม่รู้จะทำยังไง หน้าตาก็ออกมาแบบที่เห็น

สรุป

เนื้อเคบับอันนี้ที่ใช้เป็นเนื้อแกะ เวลากินเลยสากๆ เล็กน้อยไม่ค่อยเข้ากันเท่าไร เดี๋ยวคราวหน้าลองสั่งเคบับไก่แล้วจะมารายงานผล