วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

ผัดผักไม่เจสามสหาย


ตั้งชื่อซะดูดี แต่แท้จริงแล้วคือเอาผักเหลือๆ ในตู้เย็นมาผัด ส่วนประกอบมีดังนี้
  1. หมูชิ้น
  2. เห็ดแชมปิยอง (เห็ดฟางอร่อยกว่าแต่มันไม่มี)
  3. กะหล่ำปลี (ผักกาดขาวนิ่มกว่า แต่มันไม่มีอีกเหมือนกัน)
  4. น้ำมันหอย น้ำปลา
เริ่มแรกก็ตั้งไฟพอได้ที่แล้วเอาหมูลงไปก่อน ทอดแป๊บเดียวก็พอ เอาแค่มันสุกเพราะนี่ไม่ได้ทำหมูทอดที่ต้องกรอบ รักษาความนิ่มเท่าชีวิต จากนั้นเอาผักที่เหลือลงตาม เคสนี้อยากจัดจานสวยๆ (แต่สุดท้ายออกมาไม่สวย) เลยเอาผักลงแยกทีละชนิด ผัดกับน้ำมันหอยจนสีเปลี่ยนแล้วเอาขึ้นมาวางบนจาน น้ำผัดที่เหลือก็ปรุงรสนิดหน่อยทำเป็นเกรวี่แบบง่ายๆ ราด

ตอนทำจานนี้เสร็จ แฟลตเมตเดินมาหยิบน้ำในตู้เย็น มันแอบชำเลืองดูแล้วทักว่า "Isn't it good?" ฟังแล้วพ่อครัวยืดไปอีกหลายวัน

วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

ข้าวผัดสับปะรด

สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาเป็นวัน Thanksgiving ที่บ้านน้าเลยจัดงานปาร์ตี้ แต่ละครอบครัวก็เอาอาหารไปแจมกัน บ้านเราเลยไม่อยากน้อยหน้า ทำข้าวผัดสับปะรดไปร่วมกับเค้าซะเลย

วิธีทำ เริ่มจากหั่นสับปะรด แฮม หัวหอมใหญ่ เป็นชิ้นขนาดพอดีคำ หรือ สี่เหลี่ยมลูกเต๋า เอากะทะตั้งไฟ ใส่น้ำมัน รอจนกะทะร้อนได้ที่ เอาแฮมลงไปผัด ตามด้วยหอมใหญ่ ผัดจนหอมนิ่มเล็กน้อยก็ตามด้วยสับปะรด เติมซีอิ๊ว น้ำปลา น้ำตาล ผงกะหรี่เล็กน้อย (อย่าใส่เยอะเดี๋ยวขม กะเอาตามปริมาณข้าว ที่ใช้ทำนี้ ผงกะหรี่ 1 ช้อนโต๊ะ ต่อ ข้าวสวยสองกระเป๋อง(หุงแล้ว)) คนให้เข้ากันดี ใส่ข้าวสวยลงไปผัด (ควรหุงแล้วแช่ในตู้เย็นไว้หนึ่งคืนก่อนเอามาผัด) คนให้เข้ากัน เติมพริกไทยลงไป ก็เป็นอันเสร็จ

ปล. กอล์ฟแนะนำว่า ถ้ากินกับหมูหยองจะเข้ากันค่ะ (เห็นว่าเคยเห็นตามร้านเค้าเสิร์ฟแบนั้น)

วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

ข้าวหมูกรอบ


การทำข้าวหมูกรอบก็เริ่มจากการหาหมูสามชั้น ควรจะเลือกที่มีชั้นของมันหมูหนานิดหนึ่ง พอได้หมูสามชั้นมาแล้ว ก็มันหั่นให้เป็นชิ้นยาว ๆ โดยให้กว้างสักหนึ่งนิ้ว และยาวสักสามถึงสี่นิ้ว จะได้ทอดง่าย เสร็จแล้ว ก็เอาหม้อใส่น้ำตั้งไฟแรง ๆ แล้วโรยเกลือลงไป ถ้าอยากทำหมูกรอบแบบเค็ม ก็ใส่เกลือเยอะหน่อย พอน้ำเดือด ก็ใส่หมูสามชั้นลงไป ต้มให้สุก วิธีการดูว่าสุกหรือเป่า ก็เอาส้อมจิ้ม ๆ ดูก็ได้ พอหมูสุก ก็เอาขึ้นมาซับน้ำให้แห้ง ใช้ผ้าหรือว่ากระดาษทิชชู่แบบหนาก็ได้ มีทริคนิดหนึ่งว่า ตอนซับน้ำ ก็นวดหมูไปด้วย เพื่อให้ส่วนที่เป็นเนื้อไม่แข็งเป็นก้อนเวลาเอาไปทอด ปกติเวลผมทำ พอหมูแห้งแล้ว ก็เอามาตากลมทิ้งไว้สักคืน

พอหมูแห้งสนิทดี ก็เอามีดคม ๆ มาเฉือนส่วนหนังให้เป็นตารางขนาดประมาณ 2x2 cm เสร็จแล้ว ก็เอากระทะตั้งไฟแรงสุด ใส่น้ำมันลงไป พอน้ำมันเดือดจัด ก็เอาตะเกียบคีบชิ้นหมูเอาส่วนหนังลงไปทอดก่อน โดยดูว่าหนังเปลี่ยนเป็นสีขาวและฟูดีแล้ว ค่อยเอาหมูทั้งชิ้นลงไปทอด ถ้าไม่ทำแบบนี้ จะได้ไม่ได้หมูที่มีหนังกรอบ หรือว่า ได้หมูกรอบที่ใหม้เกินไป คอยหมั่นกลับหมูไปมา คอยสังเกตุดูว่าส่วนที่เป็นเนื้อสุกหรือยัง ถ้าไม่แน่ใจ ก็เอามีดจิ้ม ๆ ดูก็ได้ว่ายังแดงอยู่หรือเปล่า พอหมูสุกดีแล้ว ก็เอาขึ้นมาซับน้ำมันให้แห้ง ถ้าไม่ซับให้แห้ง หมูจะมีกลิ่นหืน ถ้าเก็บไว้นาน ๆ และจะหายกรอบไว 

พอทำหมูกรอบเสร็จ ก็ทำเครื่องเขียง เอากุนเชียงมาทอดให้กรอบ เอาไข่มาต้มให้สุก ปอกแตงกวารอไว้ น้ำราดหมูกรอบ ถ้าจะให้ง่าย ก็ใช้น้ำราดหมูแดงซองของโลโบ มาผสมน้ำร้อน ก็เสร็จแล้ว แต่ถ้าใครอยากทำเอง ก็เอาน้ำซุปกระดูกหมูมาต้ม ใส่ซีอิ้วขาว ซีอิ้วดำ น้ำตาลปึก ผงผะโล้ แป้งสาลีนิดหน่อย (เพิ่มความเหนียวของน้ำ) งาขาว เอาใส่ลงไปน้ำซุปกระดูกหมู แล้วเคี่ยวจนข้น
พอเสร็จ ก็เอาหมูมาหั่นให้เป็นชิ้น ๆ ตามขวาง วิธีการหั่นให้ง่าย ก็คือ เอาส่วนหนังลงไปติดกับเขียง แล้วเอามีดหั่นจากส่วนเนื้อลงไป พอถึงส่วนหนัง ก็เอามือเคาะตรงสันมีดแรง ๆ จะได้หมูกรอบที่สวยงามไม่เละ จัดหมูกรอบลงไปในจานข้าวสวยร้อน ๆ เอากุนเชียงแปะลงไป ตามด้วยไข่ต้มผ่าขวาง แตงกวา ราดด้วยน้ำราดหมูแดง ก็เสร็จแล้วครับ

วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

น้ำพริกหนุ่ม


น้ำพริกภาคบังคับของคนเหนือ กินกับข้าวเหนียวก็ดี กินกับไก่ย่างก็อร่อย หรือจะกินกับแคบหมูก็เข้ากันเป็นที่สุด วิธีทำน้ำพริกจานนี้ก็ง่ายนิดเดียว

เผาพริกชี้ฟ้า หอมแดง กระเทียม ทั้งเปลือกจนกลิ่นหอม ใช้พริกเยอะหน่อย หอมกระเทียมเท่าๆ กันแต่ไม่ต้องเยอะมาก ถ้าหาวัตถุดิบไม่ได้ก็อาจใช้พริกขี้หนู หอมหัวใหญ่แทนก็ได้ เมื่อเผาจนหอมดีแล้วก็ปอกเปลือก โยนหอมกับกระเทียมใส่ครกแล้วโขลกให้ละเอียด เสร็จแล้วถึงใส่พริก ตำแค่พอแหลก ปรุงรสด้วยน้ำปลา ถ้าชอบหวานก็ใส่น้ำตาลนิดหน่อย

นึ่งผักกาด ฟักทอง หรือผักตามฤดูกาลแค่พอสุกเป็นเครื่องเคียง หรือถ้าชอบสดๆ ก็หั่นผักสดเป็นท่อนๆ เสริฟได้เลยครับ

วันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

ไก่ห่อใบเตย



สิ่งที่ยากที่สุด สำหรับการทำไก่ห่อใบเตยสำหรับเด็กนอก ก็คือ การหาใบเตย ถ้าสามารถหาใบเตยได้ ก็ไม่ยากแล้ว การทำ ก็เริ่มจากหาอกไก่มาหั่นเป็นชิ้นพอคำ (ประมาณสองหัวแม่มือกำลังดี) เสร็จแล้วก็เอาไก่มาหมักกับกระเทียม ซีอี้วขาว (หรือว่าโชยุก็ได้) ซีอิ้วหวานพริกไทย รากผักชีโขลกละเอียด และ น้ำมันงานิดหน่อย (ใส่มากเดี๋ยวเลี่ยน) ก็คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหลายเข้าด้วยกัน แล้วหมักทิ้งไว้สักครึ่งชั่วโมง

พอไก่หมักได้ที่แล้ว ก็เอาใบเตยมาล้างให้สะอาดแล้วเช็ดให้แห้ง แล้วก็เอามาห่อไก่ วิธีการห่อง่าย ๆ ก็เอาใบเตยมาพับให้เป็นรูปสามเหลี่ยม เอาไก่ใส่ลงไป แล้วก็พันใบเตยไปมา แล้วก็เอาปลายซุกไว้ให้ไม่หลุดออกจากกัน พอห่อเสร็จหมดแล้ว ก็เอากะทะก้นลึก หรือว่า หม้อขึ้นตั้งไฟ เอาน้ำมันใส่ให้ร้อนปานกลางแล้วก็เอาลงไปทอด พยายามทอดให้ใบเตยแห้งกรอบ ก็เอาขึ้นมากินได้

วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

ก๋วยจั๊บ


ต้มซุปกระดูกไก่หรือกระดูกหมู ใส่โป๋ยกั๊ก อบเชย พริกไทย รากผักชี ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวและซีอิ๊วดำ บางคนอาจห่อเครื่องเทศทั้งหลายไว้ในผ้าขาวบางเพื่อป้องกันการกระจัดกระจาย

ต้มซุปทิ้งไว้ซักพักให้น้ำเริ่มหวานน้ำต้มกระดูก แล้วใส่หมูลงไปเป็นชิ้นใหญ่ๆ ไม่ต้องหั่น ทอดเต้าหู้แค่พอข้างนอกกรอบแล้วก็โยนลงไปอีกเช่นกัน ถ้ามีเครื่องในหมูหรือเลือดหมูใส่เข้าไปด้วยก็ยิ่งดี

ต้มเส้นก๋วยจั๊บกึ่งสำเร็จรูป พยายามคนเส้นอยู่เรื่อยๆ เส้นจะได้ไม่จับกันเป็นก้อนใหญ่ พอเส้นนิ่มดีแล้วตักแบ่งใส่ถ้วย

หั่นหมู และเต้าหู้ โปะหน้าเส้นก๋วยจั๊บ ตักน้ำซุปราดพอสมควร แล้วโรยหน้าด้วยผักชีกระเทียมเจียว เสริฟพร้อมตะเกียบหรือช้อนส้อมแล้วแต่ชอบครับ

แกงจืดหมึกยัดใส้


ถ้ามีหมึกไข่ ก็ต้องทำหมึกมะนาว แต่ถ้าไม่ใช่หมึกไข่ เอามาทำแกงจืดก็อร่อยดี เริ่มจากเอาหมูสับมาหมักกับกระเทียม พริกไทย น้ำปลา และรากผักชีทิ้งไว้ เสร็จแล้ว ก็เอาปลาหมึกมาล้างให้สะอาด จะให้ดี ก็พลิกเอาด้านในออกมาเลย จะได้ล้างได้สะอาดจริง ๆ เสร็จแล้ว ก็เอาหมูหมักมายัดเข้าไป อย่ายัดเข้าไปเยอะ เพราะเวลาปลาหมึกโดนความร้อน มันจะหดตัวลงไปสัก 3-4 เท่าได้ พอยัดหมูสับเข้าไปโดยประมาณ ก็เอาหัวปลาหมึกยัดลงไปเป็นจุก เสร็จแล้วก็เอาหม้อใส่น้ำขึ้นตั้งไฟ ใส่ซุปไก่ก้อนลงไปสักครึ่งก้อน เพื่อเน้นรสชาติ พอน้ำเดือด ก็ปั้นหมูหมักที่เหลือที่ใส่ลงไปในปลาหมึกไม่ได้แล้วลงไปใส่ลงไปในหม้อ ตามด้วยปลาหมึก พอหมูใกล้สุก (ดูได้จากสี) ก็หั่น ๆ หัวไชเท้าใส่ลงไป ตามด้วยหัวหอม พอหัวไชเท้าสุก (ดูได้จากสีเช่นกัน) ก็เติมน้ำปลาพริกไทยนิดหนึ่งก็เสริฟได้เลย