แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ข้าว แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ข้าว แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ข้าวกั้นจิ้น


ที่บ้านซื้อเลือดหมูมาว่าจะทำขนมจีนน้ำเงี้ยว แต่่คิดไปคิดมา ทำข้าวกั้นจิ้นด้วยดีกว่า ข้าวกั้นจิ้น(กั้น = คลุก/ผสม, จิ้น=เนื้อสัตว์) หรือบางบ้างก็เรียกข้าวเงี้ยว เป็นอาหารล้านนาที่หากินได้ทั้วไป วิธีการทำก็ไม่ยากอะไรครับ อยางแรกคือต้องหุงข้าวก่อน ระหว่างรอข้าวใุกดี ก็เอาเลือดหมูไปคลุกกับตะไคร้เพื่อดับคาว พอข้าวสุกดี ก็เอาข้าวไปคลุกกับเลือดหมู เนื้อหมูและเกลือนิดหน่อย เสร็จแล้วก็เอาไปห่อในใบตองนะครับ ถ้าไม่มีเลือดหมูที่ยังเป็นน้ำอยู่ ก็เอาเลือดหมูก้อน มาบด ๆ ผสมกับน้ำร้อนนิดหน่อยให้มันละลายดีก็ใช้ได้เหมือนกัน แลถ้าไม่มีใบตอง ก็ใช้อลูมิเนียมฟอยล์ ก็ได้ครับ พอห่อหมดแล้ว ก็เอาไปนึ่งสักครึ่งชั่วโมง ระหว่างนั้นก็เจียวกระเทียม ทอดพริกแห้งเตรียมไว้ พอข้าวสุกดี ก็เอามาใส่จาน ราดด้วยน้ำมันกระเทียมเจียว กินกับพริกทอด ก็อร่อยสุดยอดแล้วครับ

วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ข้าวผัดน้ำพริกอ่อง

เนื่องจากติดเกาะได้เกือบเดือน เริ่มคิดถึงอาหารเมืองๆ หยิบพริกแกงส้มของโลโบ้มาซองนึง วิธีทำก็มั่วๆ ตามนี้เลยเจ้า

  • หุงข้าวรอก่อนเลย ระหว่างรอข้าวสุกก็เตรียมวัตถุดิบไปพลางๆ
  • หมักหมูสับ 2 ขีดด้วยกระเทียมสับ กับเครื่องปรุงตามชอบ จากนั้นเติมตักเอาพริกแกงมา 2 ช้อน ผสมลงไปด้วยกัน
  • หยิบมะเขือเทศลูกใหญ่มา 2 ลูก หั่นมะเขือเทศเป็นชิ้นเล็กหน่อย แล้วเอามือบีบให้น้ำมะเขือเทศออกมา
  • มื้อนี้อยากกินไข่ต้มด้วย เลยเปิดอีกเตาทำไข่ต้มไปพร้อมๆ กัน
  • ตั้งกระทะด้วยไฟอ่อน เทน้ำมันลงไปนิดหน่อย พออุ่นๆ ก็ใส่พริกแกงที่เหลือทั้งซองลงไปคั่ว
  • พอพริกแกงเริ่มหอม (แอบจามไปหน่อยนึง) ก็ใส่หมูลงไป จนหมูเริ่มสุกนิดๆ ก็เทมะเขือเทศตามลงไป เทน้ำเพิ่มอีกนิดหน่อย เนื่องจากพริกแกงส้มจะเปรี้ยวกว่าน้ำพริกอ่อง เลยต้องปรุงด้วยน้ำปลากับน้ำตาลเพิ่มอีกซักนิด

  • พอน้ำเริ่มขลุกขลิกแล้วก็ถึงเวลาเอาข้าวสวยลงไปคลุกในกระทะจนเข้ากันดี ส่วนไข่ต้มก็พอดีสุก จัดใส่จาน หน้าตาก็เป็นเช่นนี้แล.. ดูขาดสีสันไปหน่อย ถ้าได้แตงกวากับผักลวกอีกนิดคงแจ่มน่าดู

วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ข้าวคลุกกะปิ

เครื่องมันเยอะครับ ทำทีเหนื่อย แต่ก็ท้าทายดี

กุ้งแห้งเอาไปทอดก่อน ทอดไฟไม่ต้องแรงมากแต่นานๆ หน่อยให้กรอบเกลียวแบบโปเต้ ทอดเสร็จแล้วใส่ทิชชู่ซับน้ำมันไว้ ขั้นตอนนี้ทำเก็บไว้ล่วงหน้าได้

ผักก็เอาเท่าที่หาได้ ถั่วฝักยาว พริก หอมแดง ซอยละเอียดๆ รอไว้ ส่วนมะม่วงนี่แถวนี้มันไม่มี เห็นเค้าว่าใช้แอปเปิลเขียวแทนได้แต่ก็ขี้เกียจหาครับ ยอมเสียรสไปหน่อย

ไข่เจียวก็เบสิก จะยากตอนหั่นไข่ให้เป็นเส้น ทำไม่เป็น ตอนหลังมีคนเฉลยว่าต้องเอาไปม้วนก่อนแล้วค่อยหั่น

หมูหวาน ปกติที่เมืองไทยใช้หมูสามชั้น ขี้เกียจหา เลยเอาหมูสับธรรมดาแทนละกันเดี๋ยวมันจะหรูเกิน วิธีทำก็เหมือนหมูทอดทั่วไป ทอดหมูให้สุกพอประมาณก่อน (ไม่ต้องใส่กระเทียม) ใส่น้ำปลาเล็กน้อย จากนั้นใส่น้ำตาลกับน้ำเปล่านิดหน่อยให้น้ำตาลละลาย ตั้งไฟอ่อนๆ ไปเรื่อยๆ จนมันเริ่มงวด ส่วนความหวานแค่ไหนนั้นชิมกันเอง

สุดท้ายคือข้าวกับกะปิ สูตรหมึกแดงบอกให้เอากะปิไปห่อใบตองย่างไฟ อันนั้นก็ชาววังเกินไป เราเป็นไพร่ธรรมดาทำแบบบ้านๆ แทน เอากะปิไปผัดในกระทะ ใส่น้ำมัน น้ำปลา น้ำตาลนิดนึง เติมน้ำให้กะปิเหลว (ลองไม่เติมแล้วมันเป็นก้อนๆ มาก) แล้วเอาไปคลุกข้าว ใส่กะปิเท่าไรก็ชิมกันเองเช่นกัน (จานนี้ใส่หมดกระปุกเพราะได้มามันก็เหลือนิดเดียวแล้ว) จากนั้นเอาข้าวไปผัดในกระทะใบเดิม (ไม่ต้องล้าง) เติมรสตามใจชอบ (เคสนี้เติมเค็มด้วยน้ำปลาอีกนิด) เท่านี้ก็เรียบร้อย

จัดจานให้สวยงามเพื่อถ่ายรูป ตอนจะกินก็คลุกๆ ให้เข้ากัน หรือถ้าใครไม่ต้องการถ่ายรูป ผัดรวมในกระทะเลยก็ได้ครับ ง่ายดีไม่เปลืองจาน

วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ข้าวแกงกะหรี่เนื้อ


อาหารสิ้นคิดอีกอย่างหนึ่งก็คือข้าวแกงกะหรี่(ญี่ปุ่น) เพราะว่าทำง่ายมาก เริ่มจากการหั่่นเนื้อให้เป็นชิ้นพอคำ โดยอาจจะใส่เนื้อวัว ไก่ หรือว่ากุ้งก็ได้ แต่อย่าใส่เนื้อหมู เพราะไม่อร่อยอย่างแรง เสร็จแล้วก็เอาหอมหัวใหญ่มาหั่นเป็นชิ้น ๆ เล็ก ๆ เสร็จแล้วก็เอาหอมหัวใหญ่ไปผัดกับน้ำมัน พอหอมหัวใหญ่เริ่มเป็นสีน้ำตาลอ่อน ก็ใส่เนื้อลงไปผัดกับหอมหัวใหญ่ พอเนื้อเริ่มสุก ก็เอาผักใส่ลงไป โดยอาจจะใส่แครอท กับ มันฝรั่งก็ได้ หรือว่าจะใส่ผักอย่างอื่น เช่น เห็ดก็ได้ พอผัดให้แครอทนุ่ม ก็ใส่น้ำลงไป แร่งไฟให้น้ำเดือด แล้วก็หรี่ไฟลง แล้วก็ใส่แกงกะหรี่ก้อนลงไปก้อนหนึ่ง ปกติจะใช้ยี่ห้อ Golden Curry แต่ถ้ามียี่ห้ออื่นก็ได้ เสร็จแล้วก็หรี่ไฟลง คนช้า ๆ จนน้ำเริ่มเหนียวข้น ก็ราดลงไปบนข้าวร้อน ๆ ก็อร่อยได้แล้ว



วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

ข้าวผัดสับปะรด

สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาเป็นวัน Thanksgiving ที่บ้านน้าเลยจัดงานปาร์ตี้ แต่ละครอบครัวก็เอาอาหารไปแจมกัน บ้านเราเลยไม่อยากน้อยหน้า ทำข้าวผัดสับปะรดไปร่วมกับเค้าซะเลย

วิธีทำ เริ่มจากหั่นสับปะรด แฮม หัวหอมใหญ่ เป็นชิ้นขนาดพอดีคำ หรือ สี่เหลี่ยมลูกเต๋า เอากะทะตั้งไฟ ใส่น้ำมัน รอจนกะทะร้อนได้ที่ เอาแฮมลงไปผัด ตามด้วยหอมใหญ่ ผัดจนหอมนิ่มเล็กน้อยก็ตามด้วยสับปะรด เติมซีอิ๊ว น้ำปลา น้ำตาล ผงกะหรี่เล็กน้อย (อย่าใส่เยอะเดี๋ยวขม กะเอาตามปริมาณข้าว ที่ใช้ทำนี้ ผงกะหรี่ 1 ช้อนโต๊ะ ต่อ ข้าวสวยสองกระเป๋อง(หุงแล้ว)) คนให้เข้ากันดี ใส่ข้าวสวยลงไปผัด (ควรหุงแล้วแช่ในตู้เย็นไว้หนึ่งคืนก่อนเอามาผัด) คนให้เข้ากัน เติมพริกไทยลงไป ก็เป็นอันเสร็จ

ปล. กอล์ฟแนะนำว่า ถ้ากินกับหมูหยองจะเข้ากันค่ะ (เห็นว่าเคยเห็นตามร้านเค้าเสิร์ฟแบนั้น)

วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

ข้าวหมูกรอบ


การทำข้าวหมูกรอบก็เริ่มจากการหาหมูสามชั้น ควรจะเลือกที่มีชั้นของมันหมูหนานิดหนึ่ง พอได้หมูสามชั้นมาแล้ว ก็มันหั่นให้เป็นชิ้นยาว ๆ โดยให้กว้างสักหนึ่งนิ้ว และยาวสักสามถึงสี่นิ้ว จะได้ทอดง่าย เสร็จแล้ว ก็เอาหม้อใส่น้ำตั้งไฟแรง ๆ แล้วโรยเกลือลงไป ถ้าอยากทำหมูกรอบแบบเค็ม ก็ใส่เกลือเยอะหน่อย พอน้ำเดือด ก็ใส่หมูสามชั้นลงไป ต้มให้สุก วิธีการดูว่าสุกหรือเป่า ก็เอาส้อมจิ้ม ๆ ดูก็ได้ พอหมูสุก ก็เอาขึ้นมาซับน้ำให้แห้ง ใช้ผ้าหรือว่ากระดาษทิชชู่แบบหนาก็ได้ มีทริคนิดหนึ่งว่า ตอนซับน้ำ ก็นวดหมูไปด้วย เพื่อให้ส่วนที่เป็นเนื้อไม่แข็งเป็นก้อนเวลาเอาไปทอด ปกติเวลผมทำ พอหมูแห้งแล้ว ก็เอามาตากลมทิ้งไว้สักคืน

พอหมูแห้งสนิทดี ก็เอามีดคม ๆ มาเฉือนส่วนหนังให้เป็นตารางขนาดประมาณ 2x2 cm เสร็จแล้ว ก็เอากระทะตั้งไฟแรงสุด ใส่น้ำมันลงไป พอน้ำมันเดือดจัด ก็เอาตะเกียบคีบชิ้นหมูเอาส่วนหนังลงไปทอดก่อน โดยดูว่าหนังเปลี่ยนเป็นสีขาวและฟูดีแล้ว ค่อยเอาหมูทั้งชิ้นลงไปทอด ถ้าไม่ทำแบบนี้ จะได้ไม่ได้หมูที่มีหนังกรอบ หรือว่า ได้หมูกรอบที่ใหม้เกินไป คอยหมั่นกลับหมูไปมา คอยสังเกตุดูว่าส่วนที่เป็นเนื้อสุกหรือยัง ถ้าไม่แน่ใจ ก็เอามีดจิ้ม ๆ ดูก็ได้ว่ายังแดงอยู่หรือเปล่า พอหมูสุกดีแล้ว ก็เอาขึ้นมาซับน้ำมันให้แห้ง ถ้าไม่ซับให้แห้ง หมูจะมีกลิ่นหืน ถ้าเก็บไว้นาน ๆ และจะหายกรอบไว 

พอทำหมูกรอบเสร็จ ก็ทำเครื่องเขียง เอากุนเชียงมาทอดให้กรอบ เอาไข่มาต้มให้สุก ปอกแตงกวารอไว้ น้ำราดหมูกรอบ ถ้าจะให้ง่าย ก็ใช้น้ำราดหมูแดงซองของโลโบ มาผสมน้ำร้อน ก็เสร็จแล้ว แต่ถ้าใครอยากทำเอง ก็เอาน้ำซุปกระดูกหมูมาต้ม ใส่ซีอิ้วขาว ซีอิ้วดำ น้ำตาลปึก ผงผะโล้ แป้งสาลีนิดหน่อย (เพิ่มความเหนียวของน้ำ) งาขาว เอาใส่ลงไปน้ำซุปกระดูกหมู แล้วเคี่ยวจนข้น
พอเสร็จ ก็เอาหมูมาหั่นให้เป็นชิ้น ๆ ตามขวาง วิธีการหั่นให้ง่าย ก็คือ เอาส่วนหนังลงไปติดกับเขียง แล้วเอามีดหั่นจากส่วนเนื้อลงไป พอถึงส่วนหนัง ก็เอามือเคาะตรงสันมีดแรง ๆ จะได้หมูกรอบที่สวยงามไม่เละ จัดหมูกรอบลงไปในจานข้าวสวยร้อน ๆ เอากุนเชียงแปะลงไป ตามด้วยไข่ต้มผ่าขวาง แตงกวา ราดด้วยน้ำราดหมูแดง ก็เสร็จแล้วครับ

วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2550

ข้าวผัดอเมริกัน

ข้าวผัดอเมริกันก็เปรียบได้กับครอบครัวที่พ่อชื่อด้วง แม่ชื่อคำ แต่ลูกดันชื่อปีเตอร์ เพราะจริงๆ แล้วข้าวผัดอเมริกันนั้นเป็นอาหารไทยครับ

วิธีทำข้าวผัดอเมริกันนั้นไม่ยาก แต่ออกจะยุ่งเล็กน้อย โดยหลักก็แบ่งออกเป็นสองส่วน

1. ข้าวผัด
หั่นหัวหอม แครอท และเนื้อต่างๆ เช่น หมูยอ แฮม ไส้กรอก เป็นลูกเต๋าเตรียมไว้ ใส่น้ำมันลงในกระทะเล็กน้อย เจียวหัวหอมหั่นจนสีออกน้ำตาลแล้วใส่เนื้อ พอเนื้อใกล้สุกก็ใส่แครอท ถั่วลันเตา ผัดต่อซักพักจนผักสุกก็ใส่ข้าว ซอสมะเขือเทศ ซีอิ๊วขาว ปรับรสตามชอบ ถ้าคนไม่เคยทำก็ใส่ซอสมะเขือเทศทีละน้อยก่อนก็ได้

2. เครื่องเคียง
ข้าวผัดอเมริกันเข้ากับเครื่องเคียงประเภทของทอดเป็นอย่างดี ปกติตามร้านอาหารจะใช้ไก่ทอดกับไส้กรอกทอดวางคู่มากับข้าวผัด แต่บางร้านก็เลือกใช้หมูยอทอด ถ้าจะใช้ไก่ทอดก็แนะนำให้ใช้ปีกบนไก่ที่หน้าตาคล้ายน่อง เพราะทอดง่าย สุกเร็ว ทอดให้สุก หนังแค่พอกรอบ ส่วนไส้กรอกก็ผ่าปลายทั้งสองด้านลงทอดแค่เกือบเกรียม ทั้งไก่และไส้กรอกไม่ต้องปรุงอะไรทั้งนั้น โยนใส่กระทะได้เลย แล้วที่สำคัญก็อย่าลืมไข่ดาว ปกติแล้วข้าวผัดอเมริกันจะสวยถ้าราดหน้าด้วยไข่ดาวแบบฝรั่ง แต่ในรูปตัวอย่างเนื่องจากพ่อครัวชอบไข่ดาวกรอบก็เลยทำให้ความงามลดลงนิดหน่อย

ตักข้าวผัดใส่จาน โปะหน้าด้วยไข่ดาว แล้ววางไก่ทอด ไส้กรอก ตกแต่งด้วยผักสลัด มะเขือเทศ แตงกวา แล้วเสริฟพร้อมซอสมะเขือเทศ อิ่มไปอีกมื้อครับ ^^

วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2550

ข้าวมันไก่


ข้าวมันไก่เป็นอาหารที่ทำได้ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ ใช้เวลาไม่นาน และการควบคุมความอร่อยก็ไม่ได้ลำบากแต่อย่างใด วิธีทำข้าวมันไก่แบ่งออกเป็นสามส่วน

1. ไก่
ใช้ไก่ทั้งตัวต้มลงไปในหม้อใหญ่พร้อมรากผักชีทุบ ต้มจนสุกแล้วจึงนำไก่ออกมาหั่นเนื้อเก็บไว้ ส่วนกระดูกโยนกลับลงหม้อจะได้น้ำซุปที่เข้มข้น สาเหตุที่ใช้ไก่ทั้งตัวเพราะความมันอร่อยจะสมดุลที่สุด ถ้าใส่เฉพาะเนื้ออกข้าวและน้ำซุปจะจืดชืด แต่ถ้าใส่เฉพาะปีกหรือน่องน้ำซุปก็จะมันเกินไป

2. ข้าว
ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ ประมาณหนึ่งช้อนโต๊ะต่อข้าวหนึ่งถ้วย เจียวกระเทียมเล็กน้อยให้พอหอม แล้วใส่ข้าวสวยดิบลงไปผัด ผัดจนเข้ากันดี ข้าวบางเม็ดอาจได้รับความร้อนเปลี่ยนเป็นสีขาวขุ่นก็ไม่ต้องตกใจ เมื่อข้าวกับน้ำมันเข้ากันดีแล้วตักข้าวใส่หม้อ ใช้น้ำต้มไก่แทนน้ำเปล่าในการหุง แล้วหุงตามปกติ

3. น้ำจิ้ม
ทำจากเต้าเจี้ยว 2 ส่วน ซีอิ๊วขาว 2 ส่วน ซีอิ๊วดำ 1 ส่วน น้ำตาล 1 ส่วน ขิง กระเทียม ปรับรสชาติตามใจชอบ

เสร็จแล้วก็สับขิง กระเทียม พริก แตงกวา วางคู่เป็นเครื่องเคียง ตักซุปโรยต้นหอมนิดหน่อย เพียงเท่านี้ก็อร่อยหายห่วงแล้ว

วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2550

ข้าวผัด


ข้าวผัดเป็นอาหารที่ดูเหมือนแสนจะธรรมดา แต่การผัดข้าวให้อร่อยจริงๆ ไม่ได้ทำกันง่ายๆ มีขั้นตอนและเคล็ดลับหลายอย่าง

เริ่มจากอุ่นกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันเล็กน้อย รอให้ร้อนแล้วตอกไข่ลงไป รอให้ไข่ขาวสุกแล้วตีไข่แดงให้แตก เมื่อไข่แดงสุกแล้วถึงใส่เนื้อ ผัดเนื้อให้เกือบสุกจึงใส่ผัก แล้วลดไฟให้อ่อนที่สุด ใส่ข้าวลงไป ข้าวที่ใช้ทำข้าวผัดควรเป็นข้าวเก่า หรือข้าวหุงที่แข็งนิดหน่อย มิฉะนั้นพอผัดออกมาข้าวจะแฉะไม่อร่อย เหยาะซีอิ๊วขาวตราเด็กสมบูรณ์ ใส่เกลือปลายช้อนชาแค่พอออกรส เหยาะพริกไทยหรือปรุงรสเพิ่มตามต้องการ ไม่แนะนำให้ใช้น้ำปลาเพราะจะคาวกลบกลิ่นหอมของข้าว เมื่อปรุงรสเสร็จให้เร่งไฟแรงที่สุดให้ท่วมกระทะได้ยิ่งดี แล้วผัดโดยสะบัดกระทะไปเรื่อยๆ จะทำให้ข้าวหอมมากและข้าวจะไม่ติดกระทะเพราะการใส่ไข่ในขั้นตอนแรก เมื่อผัดจนข้าว ไข่ เนื้อ และผักเข้ากันดีจึงตักเสริฟ