อาหารสิ้นคิดอีกอย่างหนึ่งก็คือข้าวแกงกะหรี่(ญี่ปุ่น) เพราะว่าทำง่ายมาก เริ่มจากการหั่่นเนื้อให้เป็นชิ้นพอคำ โดยอาจจะใส่เนื้อวัว ไก่ หรือว่ากุ้งก็ได้ แต่อย่าใส่เนื้อหมู เพราะไม่อร่อยอย่างแรง เสร็จแล้วก็เอาหอมหัวใหญ่มาหั่นเป็นชิ้น ๆ เล็ก ๆ เสร็จแล้วก็เอาหอมหัวใหญ่ไปผัดกับน้ำมัน พอหอมหัวใหญ่เริ่มเป็นสีน้ำตาลอ่อน ก็ใส่เนื้อลงไปผัดกับหอมหัวใหญ่ พอเนื้อเริ่มสุก ก็เอาผักใส่ลงไป โดยอาจจะใส่แครอท กับ มันฝรั่งก็ได้ หรือว่าจะใส่ผักอย่างอื่น เช่น เห็ดก็ได้ พอผัดให้แครอทนุ่ม ก็ใส่น้ำลงไป แร่งไฟให้น้ำเดือด แล้วก็หรี่ไฟลง แล้วก็ใส่แกงกะหรี่ก้อนลงไปก้อนหนึ่ง ปกติจะใช้ยี่ห้อ Golden Curry แต่ถ้ามียี่ห้ออื่นก็ได้ เสร็จแล้วก็หรี่ไฟลง คนช้า ๆ จนน้ำเริ่มเหนียวข้น ก็ราดลงไปบนข้าวร้อน ๆ ก็อร่อยได้แล้ว
วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2550
วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2550
ขนมจีนน้ำเงี้ยว

ขนมจีนเป็นอาหารพื้นเมืองของคนเหนือ ตอนเป็นเด็ก ๆ ผมจะชอบกินมาก ถ้าอยู่ลำพูนต้องไปหากินแถวหน้าวัดพระธาตุ แต่ถ้าอยู่เชียงใหม่ก็ต้องกาดหลวงตอนเที่ยงคืน และแน่นอนขนมจีนที่อร่อยที่สุดก็ต้องเป็นขนมจีนน้ำเงี้ยว
วิธีการทำ ก็เริ่มจากเอาน้ำใส่หม้อตั้งไฟ แล้วก็ใส่กระดูกหมูลงไปต้มเอาน้ำซุป พร้อมกับใส่ซี่โครงหมูหั่นเป็นชิ้นพอคำลงไป ต้มไฟกลางไปเรื่อย ๆ คอยดูน้ำอย่าให้แห้ง
ระหว่างที่ต้มน้ำซุปไป ก็ไปทำน้ำพริก เอาพริกแห้งแช่น้ำ แล้วเอามาโขลกกับหอมแดง กระเทียม ข่า ตะไคร้ รากผักชี กะปิ เกลือนิดหน่อย โขลกให้เข้ากัน เน้นพริกนิดหนึ่ง พอเข้ากันดี ก็เอากะทะขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำมันลงไปนิดหน่อย แล้วก็เอาน้ำพริกที่โขลกดีแล้วลงไปผัด พอหอม ก็ใส่หมูสับลงไปผัดกับน้ำพริก พอหมูสุก ก็ใส่มะเขือเทศลงไปผัดให้สุก เสร็จแล้วก็เทของที่อยู่ในกะทะลงไปในหม้อ เร่งไฟให้น้ำเดือด แล้วก็ใส่เลือดหมูหั่นเป็นลูกเต๋าลงไป แล้วก็หรี่ไฟ เคี่ยวน้ำซุปไปเรื่อย ๆ (จะให้ดีต้องค้างคืน) จะได้รสที่เข้มข้น
วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550
ผัดผักไม่เจสามสหาย

ตั้งชื่อซะดูดี แต่แท้จริงแล้วคือเอาผักเหลือๆ ในตู้เย็นมาผัด ส่วนประกอบมีดังนี้
- หมูชิ้น
- เห็ดแชมปิยอง (เห็ดฟางอร่อยกว่าแต่มันไม่มี)
- กะหล่ำปลี (ผักกาดขาวนิ่มกว่า แต่มันไม่มีอีกเหมือนกัน)
- น้ำมันหอย น้ำปลา
ตอนทำจานนี้เสร็จ แฟลตเมตเดินมาหยิบน้ำในตู้เย็น มันแอบชำเลืองดูแล้วทักว่า "Isn't it good?" ฟังแล้วพ่อครัวยืดไปอีกหลายวัน
วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550
ข้าวผัดสับปะรด

วิธีทำ เริ่มจากหั่นสับปะรด แฮม หัวหอมใหญ่ เป็นชิ้นขนาดพอดีคำ หรือ สี่เหลี่ยมลูกเต๋า เอากะทะตั้งไฟ ใส่น้ำมัน รอจนกะทะร้อนได้ที่ เอาแฮมลงไปผัด ตามด้วยหอมใหญ่ ผัดจนหอมนิ่มเล็กน้อยก็ตามด้วยสับปะรด เติมซีอิ๊ว น้ำปลา น้ำตาล ผงกะหรี่เล็กน้อย (อย่าใส่เยอะเดี๋ยวขม กะเอาตามปริมาณข้าว ที่ใช้ทำนี้ ผงกะหรี่ 1 ช้อนโต๊ะ ต่อ ข้าวสวยสองกระเป๋อง(หุงแล้ว)) คนให้เข้ากันดี ใส่ข้าวสวยลงไปผัด (ควรหุงแล้วแช่ในตู้เย็นไว้หนึ่งคืนก่อนเอามาผัด) คนให้เข้ากัน เติมพริกไทยลงไป ก็เป็นอันเสร็จ
ปล. กอล์ฟแนะนำว่า ถ้ากินกับหมูหยองจะเข้ากันค่ะ (เห็นว่าเคยเห็นตามร้านเค้าเสิร์ฟแบนั้น)
วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550
ข้าวหมูกรอบ

วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550
น้ำพริกหนุ่ม

น้ำพริกภาคบังคับของคนเหนือ กินกับข้าวเหนียวก็ดี กินกับไก่ย่างก็อร่อย หรือจะกินกับแคบหมูก็เข้ากันเป็นที่สุด วิธีทำน้ำพริกจานนี้ก็ง่ายนิดเดียว
เผาพริกชี้ฟ้า หอมแดง กระเทียม ทั้งเปลือกจนกลิ่นหอม ใช้พริกเยอะหน่อย หอมกระเทียมเท่าๆ กันแต่ไม่ต้องเยอะมาก ถ้าหาวัตถุดิบไม่ได้ก็อาจใช้พริกขี้หนู หอมหัวใหญ่แทนก็ได้ เมื่อเผาจนหอมดีแล้วก็ปอกเปลือก โยนหอมกับกระเทียมใส่ครกแล้วโขลกให้ละเอียด เสร็จแล้วถึงใส่พริก ตำแค่พอแหลก ปรุงรสด้วยน้ำปลา ถ้าชอบหวานก็ใส่น้ำตาลนิดหน่อย
นึ่งผักกาด ฟักทอง หรือผักตามฤดูกาลแค่พอสุกเป็นเครื่องเคียง หรือถ้าชอบสดๆ ก็หั่นผักสดเป็นท่อนๆ เสริฟได้เลยครับ
วันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550
ไก่ห่อใบเตย

สิ่งที่ยากที่สุด สำหรับการทำไก่ห่อใบเตยสำหรับเด็กนอก ก็คือ การหาใบเตย ถ้าสามารถหาใบเตยได้ ก็ไม่ยากแล้ว การทำ ก็เริ่มจากหาอกไก่มาหั่นเป็นชิ้นพอคำ (ประมาณสองหัวแม่มือกำลังดี) เสร็จแล้วก็เอาไก่มาหมักกับกระเทียม ซีอี้วขาว (หรือว่าโชยุก็ได้) ซีอิ้วหวานพริกไทย รากผักชีโขลกละเอียด และ น้ำมันงานิดหน่อย (ใส่มากเดี๋ยวเลี่ยน) ก็คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหลายเข้าด้วยกัน แล้วหมักทิ้งไว้สักครึ่งชั่วโมง
พอไก่หมักได้ที่แล้ว ก็เอาใบเตยมาล้างให้สะอาดแล้วเช็ดให้แห้ง แล้วก็เอามาห่อไก่ วิธีการห่อง่าย ๆ ก็เอาใบเตยมาพับให้เป็นรูปสามเหลี่ยม เอาไก่ใส่ลงไป แล้วก็พันใบเตยไปมา แล้วก็เอาปลายซุกไว้ให้ไม่หลุดออกจากกัน พอห่อเสร็จหมดแล้ว ก็เอากะทะก้นลึก หรือว่า หม้อขึ้นตั้งไฟ เอาน้ำมันใส่ให้ร้อนปานกลางแล้วก็เอาลงไปทอด พยายามทอดให้ใบเตยแห้งกรอบ ก็เอาขึ้นมากินได้

วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550
ก๋วยจั๊บ

แกงจืดหมึกยัดใส้

วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2550
Rice Crispy
วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2550
ส้มตำ

วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2550
French toast
วิธีทำ เริ่มจาก เอาขนมปังสไลด์เป็นแผ่นๆ (บังเอิญว่าไม่มีขนมปังฝรั่งเศสอะจ้า) มาชุบกับ ไข่ไก่สองฟองที่ตีผสมกับนมเรียบร้อยแล้ว ชุบขนมปังให้ชุ่มทั้งสองด้าน
นำกะทะตั้งไฟ ใช้ความร้อนระดับปานกลาง เอาเนยทาลงบนกะทะให้ทั่ว พอเริ่มร้อนดีแล้ว เอาขนมปังลงไปทอด ค่อยๆดูจนกว่าจะเหลือง และเริ่มเป็นสีน้ำตาล คอยพลิกกลับไปมา เพื่อให้เหลืองทั้งสองด้าน
เสิร์ฟกับ น้ำผึ้ง แยมผลไม้ เนย กล้วย หรือกินกับ แฮม เบคอน ก็อร่อยเหมือนกันค่ะ (เลือกเอาตามที่ชอบเลยค่ะ)
วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2550
ปลาดุกฟูหมูยอ

วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2550
วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2550
ข้าวกระเพราไข่ดาว Lobo
อาหารประจำชาติครับ
เผอิญว่าแถวนี้มันบ้านนอกหาใบกระเพราสดไม่ได้ (เจอใกล้เคียงสุดคือโหระพาในร้านจีน ส่วนร้านไทยก็มีแต่มันเดินไกลมากเลยถอย) เลยลองใช้กระเพรา Lobo ดูว่าเป็นไง เกิดมาก็ไม่เคยทำสูตรนี้
ขั้นตอนก็ไม่มีอะไรมาก
- ถ้าอยากกินไข่ดาวด้วยก็ทอดไข่ดาวให้เรียบร้อยก่อน น้ำมันที่เหลือจะได้เอาไปผัดต่อได้
- ตั้งไฟ กระเทียมนำ รอให้ร้อน
- (สำคัญมาก) เปิดหน้าต่าง เปิดพัดลมดูดอากาศ max ไล่รูมเมท/แฟลตเมตออกไปจากครัว
- ฉีกซอง Lobo แล้วเทลงไปในกระทะ รวบรวมสติเพราะจังหวะแรกมันจะ "ฟู่" มาก พอหายตกใจก็เอาช้อนกวาดๆ ที่เหลือลงให้หมด
- เอาหมูสับตามลงไป ใส่น้ำปลากับพริกเพิ่มเล็กน้อยตามชอบ ผมเติมน้ำตาลลงไปนิดนึงพอให้รสกลมกล่อม
วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2550
ยำเคบับ

ซื้อเคบับมาแต่อันมันควายมาก กินไม่หมดเลยแบ่งเนื้อครึ่งนึงเก็บไว้กินวันหลัง ว่าแล้วก็ลองยำดูซะเลยว่าเป็นยังไงบ้าง
ส่วนประกอบ
- เนื้อเคบับ
- ไส้กรอก
- แฮม
- ผักสลัดแพ็กสำเร็จ (Sainsbury's มันลดราคา) มีหลายอย่าง
- หอมใหญ่ 1/2 หัว
- มะนาว 1 ลูก (อันนี้ใช้ lime)
- พริกขี้หนูตามชอบ (ที่ทำใช้ 4 เม็ด)
- น้ำตาล น้ำปลา
ส่วนของเนื้อก็ทำให้สุกก่อน อย่างในกรณีนี้ทอดไส้กรอกเก็บไว้หลายวันไม่ได้กินซะทีเลยเอามายำด้วย ส่วนแฮมก็สุกมาตั้งแต่ซูเปอร์มาร์เก็ตแล้ว ผมใช้วิธีเอาเนื้อทั้งสามอย่างเข้าเตาอบ (เตาใหญ่ไม่ใช่ไมโครเวฟ) ตั้งไฟแรงหน่อยเพราะอยากให้มันเกรียมๆ พอได้ที่แล้วก็หั่นให้พอดีคำ กะว่าให้ตอนกินไม่ลำบาก
ส่วนผักก็ไม่มีอะไรมาก ผักสลัดมันสำเร็จอยู่แล้วแค่ล้างก็พอ หั่นหอมใหญ่กับพริก บีบมะนาว เติมน้ำตาลน้ำปลาแล้วคลุกๆ ชิมดูว่าโอเคมั้ย อันนี้ใช้ lime มันไม่ค่อยเปรี้ยว (ขนาดผมไม่ชอบเปรี้ยว) แต่ก็ไม่มีทางเลือกไม่รู้จะทำยังไง หน้าตาก็ออกมาแบบที่เห็น
สรุป
เนื้อเคบับอันนี้ที่ใช้เป็นเนื้อแกะ เวลากินเลยสากๆ เล็กน้อยไม่ค่อยเข้ากันเท่าไร เดี๋ยวคราวหน้าลองสั่งเคบับไก่แล้วจะมารายงานผล
วันอังคารที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2550
มะระผัดไข่

วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2550
ซี่โครงหมูอบไดเอ็ทโค้ก
ส่วนประกอบ: ซี่โครงหมู 1 กิโลกรัม, ไดเอ็ทโค้ก 1 ขวด (กรณีที่ไม่กลัวอ้วนก็ใส่โค้กหรือเป๊ปซี่ธรรมดาก็ได้ค่ะ), กระเทียมหั่นเป็นชิ้นบางๆ 4-5 กลีบ, พริกไทยดำ 1 ช้อนโต๊ะ, น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ, ผงปรุงรส 1 ช้อนชา, เกลือป่น 1 ช้อนชา
วิธีทำ:
1. ล้างซี่โครงหมูให้สะอาดแล้วทิ้งไว้พอสะเด็ดน้ำ
2. นำซี่โครงหมูใส่หม้อแล้วเทน้ำไดเอ็ทโค้กลงไป, ใส่กระเทียมและโรยเกลือให้ทั่ว ปิดฝาอบไว้สักครู่ โดยใช้ความร้อนปานกลางจนน้ำโค้กเริ่มขลุกขลิก (ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีค่ะ)
3. หลังจากซี่โครงหมูเริ่มได้ที่แล้วให้ใส่น้ำมันหอย พริกไทยดำและผงปรุงรส คนให้เข้ากันแล้วอบต่อไปอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง รอจนซี่โครงหมูนุ่มได้ที่ จากนั้นก็พร้อมเสิร์ฟได้ทันทีค่ะ
วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2550
แกงส้ม

อยากกินแกงส้ม มีแพ็กเครื่องแกงสำเร็จมาจากเมืองไทย 1 ถุง คุ้นๆ ว่ามีคนในนี้เขียนไปแล้ว (ไปค้นดู อยู่นี่) เลยไปทำตามแล้วเขียนมาส่งอาจารย์ละกัน (ถึงจะไม่รู้จักอาจารย์ก็เถอะ ขอบคุณนะครับ)
วัตถุดิบ
- เครื่องแกงส้มสำเร็จ 1/2 แพ็กเพราะหม้อมันเล็ก
- ผักตามชอบ เผอิญถั่วฝักยาวมันแพงมาก แพ็กนิดเดียวปอนด์นึง (อยู่เมืองไทย 5 บาทได้เยอะกว่า 5 เท่า) เลยใช้บร็อคโคลี+ดอกกะหล่ำ แล้วมันมีเห็ดอะไรก็ไม่รู้คล้ายๆ เห็ดฟางแต่ใหญ่กว่า เลยซื้อมาใส่ผสมด้วย
- กุ้ง เจอกุ้งลดราคาซื้อ 2 จ่าย 1 เลยคว้ามา
- มะขามเปียก ตอนแรกไม่มี โชคดีพี่คนไทยที่หอมีให้ (เลยต้องเอาแกงส้มไปเซ่นกลับ)
- ไข่เจียว
วันพุธที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2550
ถั่วผัดพริกขิง
วิธีทำ นำน้ำพริกแกงลงไปผัดกับน้ำมันจนหอม ใช้ไฟปานกลาง จากนั้นใส่เนื้อหมูที่หั่นแล้วลงไปผัด จนเกือบสุกก็ใส่ถั่วฝักยาวที่หั่น ผัดให้เข้ากัน ชิมดู เติมรสตามใจชอบ อาจใส่น้ำตาลได้นิดหน่อย พอสุกดีแล้ว ใส่ใบมะกรูดหั่นฝอย คนให้เข้ากัน ปิดไฟ
** กินกับไข่เจียว หรือ ไข่พะโล้ จะอร่อยมากมาย :D
วันอังคารที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2550
พาสต้าผัดผงกะหรี่
ส่วนประกอบได้แก่ เส้นพาสต้าเกลียว (torti pasta), เนื้อหมู, ไข่ไก่, กระเทียมสับ, พริกชี้ฟ้าแดง, หอมใหญ่, บล็อกโคลี, เนย, ผงกะหรี่, ซอสน้ำมันหอย, น้ำตาล, เกลือ, พริกป่น
วิธีทำ
1. ต้มเส้นพาสต้าในน้ำเดือดที่ใส่เกลือเล็กน้อย ใช้เวลาประมาณ 8 นาที, เทน้ำออกแล้วผ่านเส้นด้วยน้ำเย็น, พักเส้นเอาไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2. ตั้งกระทะด้วยไฟกลางจนร้อน ใส่เนยลงไปผัดกับกระเทียมและพริกชี้ฟ้าแดง
3. ใส่เนื้อหมูผัดจนสุก
4. ตอกไข่ลงไป พอไข่เริ่มสุกก็ผัดให้ทั่วๆ แล้วใส่หอมใหญ่ซอยและบล็อกโคลี ผัดต่อจนผักเริ่มสุก
5. ใส่ผงกะหรี่ และซอสน้ำมันหอย อาจเติมน้ำเปล่าเล็กน้อย แล้วปรุงรสด้วยน้ำตาล, เกลือ และพริกป่น (ถ้าชอบเผ็ด)
6. เอาเส้นพาสต้าที่ต้มสุกแล้วลงไปผัดต่อพอให้น้ำซึมเข้าเส้นก็ปิดไฟเตรียมเสิร์ฟได้เลย
วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2550
สปาเกตตี้ สเต็กหมู
ข้าวผัดกะเพราคลุก
ส่วนประกอบก็มี หมูหั่นเป็นชิ้นพอคำ, ข้าวสวย, น้ำมัน, กระเทียม, หอมใหญ่, ใบกะเพรา, น้ำพริกผัดกะเพรา, เกลือ, น้ำตาล, น้ำเปล่า
วิธีทำ
1. ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ด้วยไฟกลางจนร้อน ใส่กระเทียมที่สับพอละเอียดลงไปผัด ตามด้วยน้ำพริกผัดกะเพรา ผัดจนมีกลิ่นหอมประมาณว่าจามได้อะค่ะ (อาจจะต้องใส่น้ำพริกเยอะหน่อยเอาให้รสเข้มเข้าไว้เพราะต้องเอาข้าวลงไปผัดอีก)
2. ใส่เนื้อหมู ผัดจนสุก
3. ใส่หอมใหญ่ที่หั่นเป็นแว่นๆ ปรุงรสด้วยเกลือ, น้ำตาล (อย่าลืมว่ารสต้องจัดนะคะ)
4. เอาข้าวสวยเทลงกระทะ(อาจใส่น้ำลงไปเล็กน้อย) คลุกให้ทั่วกัน
4. แล้วปิดท้ายด้วยใบกะเพราค่ะ ผัดต่อจนข้าวแห้ง เสร็จแล้วปิดไฟ ตักใส่จานเตรียมหม่ำได้เลยจ้า
วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2550
น้ำพริกกุ้งสด

พอดีมีกุ้งแม่น้ำที่มีไข่เต็มท้องเหลือในตู้เย็นค่ะไม่รู้จะทำอะไรดีแม่
คุณหนุ่มเกิดอยากกินน้ำพริกก็เลยทำซะเลยง่ายๆค่ะ
ลวกกุ้งให้สุกแกะเปลือกออกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆใช้ทั้งไข่และมันที่หัวกุ้งด้วยนะคะจะได้อร่อยๆ
ตำกุ้งให้ละเอียด (แบ่งไว้โรยหน้าส่วนหนึ่ง) ใส่พริก กระเทียมตามชอบ
แล้วใส่กระปิประมาณปลายช้อนแค่พอให้มีกลิ่นนิดๆ
ตามด้วยน้ำตาลปี๊ป มะนาว น้ำปลา ปลุงรสตามชอบให้เปรี้ยวนำค่ะ ตักใส่ถ้วยโรยด้วนเนื้อกุ้ง
ที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆลงไป กินกับผัก ข้าวสวยร้อนๆอร่อยมากเลยค่ะ
วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2550
เฉียนลี้สื่อรื่อ (千里豬肉)

บทนำ
อาหารจานนี้เป็นอาหารจีนโบราณชื่อภาษาจีน เรียกว่า เฉียนลี้สื่อรื่อ (千里豬肉:Qian Li Zhurou) เป็นอาหารที่ใช้หลักยินและหยางในการปรับสมดุลย์ของอาหารโดยเนื้อสัตว์จะให้พลังของธาตุยิน ในขณะที่ผัก ซึ่งรับแสงอาทิตย์หรือว่าพลังของสวรรค์ ก็ให้พลังของธาตุหยาง แล้วใช้การปรุงที่เหมาะสมในแต่ละขั้นตอน (เช่น ใช้พลังของธาตุยินในน้ำและอากาศ และ ธาตุหยางในดินและไฟ) เพื่อกักเอาพลังของธาตุยินและหยางและปลดปล่อยออกมาเมื่อถึงเวลาอันสมควร หลักการง่าย ๆ ก็คือ ปรุงยิน(หมู)ด้วยหยาง(ดินและไฟ) และปรุงหยาง(ผัก)ด้วยยิน(น้ำและอากาศ)
ต้ม
ขั้นตอนการทำก็เริ่มจากการทำหมูแฮม(หรือว่าหมูสามชั้นทอดกรอบซึ่งเป็นหนึ่งใน 18 สุดยอดเครื่องยาจีน[1]) ก็เริ่มจากเอาหมูสามชั้นมาต้มให้สุก ควรใช้เนื้อหมูตรงต้นคอ เพราะจะมีสัดส่วนของเนื้อและมันที่พอดี ถ้าใช้เนื้อต้นขา จะมีมันมากเกินไป การต้มนั้น ให้ต้มแบบปิดฝาให้ไฟอ่อน ๆ ถ้าต้มแรงไปธาตุยินจะกระเจิงออกมาหมด พอหมูสามชั้นสุกดี ก็เอาขึ้นมาพักให้เย็น ในขณะเดียวกันก็เอาน้ำซุปที่ได้ ไปต้มกับเครื่องยาจีนและกระดูกหมูโดยใช้ไฟอ่อนมาก ๆ เพื่อค่อย ๆ รีดเอาคุณค่าของเครื่องยาจีนออกมา กระดูกหมูที่ใช้ ควรจะใช้กระดูกสันหลัง เพราะเป็นส่วนที่มีไขกระดูกค่อนข้างมาก จะดีกว่ากระดูกส่วนอื่น ที่มักจะเป็นกระดูกแห้ง ๆ ถ้าไม่มีกระดูกสันหลัง ก็ใช้กระดูกบริเวณซี่โครงก็ได้ ส่วนเครื่องยาจีนนั้น ถ้าสามารถหาเครื่องยาจีนธาตุอ่อน เก๋ากี้ ตังกุย โสมคน เส็กตี่ ปาเก็ก หลินจือ ถั่งเฉ้า แป๊ะก๊วย ตังเซียม มาได้ครบชุดก็จะดี แต่ถ้ามีไม่ครบ ก็เอาเท่าที่มี แต่ห้ามใส่เครื่องยาจีนที่มีธาตุแรง เช่น เห็ดหอม หูฉลาม หรือว่า เหล้าเช่าชิง เพราะว่าจะเป็นธาตุที่แรง จะตีกันกับหมูสามชั้นทอดที่เป็นธาตุที่แรงเหมือนกัน หมูสามชั้นที่ทอดแล้ว ต้องทิ้งไว้ให้เย็น อาจจะต้องทิ้งข้ามคืน ในขณะเดียวกัน ก็เคี่ยวน้ำซุปไปเรื่อย ๆ เกือบลืมไป ในการเคี่ยวน้ำซุปนั้น ควรจะใช้เตาถ่านเพราะจะให้แรงไฟที่นุ่มนวลสม่ำเสมอกว่า (สังเกตว่าทำอาหารกับเตาถ่าน จะไม่ค่อยใหม้ก้น เพราะถ้าใช้เตาแกสหรือว่าเตาไฟฟ้า จะมีส่วนที่ร้อนมาก ๆ คือส่วนที่สัมผัสกับเปลวไฟ กับส่วนที่ไม่ค่อยร้อน) และควรใช้หม้อดิน ด้วยเหตุผลเดียวกัน และยังเป็นการควบคุมธาตุหยางในหมูอีกด้วย
ทอด
พอหมูสามชั้นแห้งดีแล้ว ก็เอากระทะก้นลึกตั้งไฟแรง ๆ สิ่งสำคัญในการทำอาหารจีนประเภททอดหรือผัดคือต้องใช้ไฟแรง ถือเป็นเคล็ดลับสำคัญในการทำอาหารจีน พอกระทะร้อน ก็เอาน้ำมันเทลงไป แล้วพลิกกระทะเร็วๆ สักห้าหกที แล้วเทน้ำมันทิ้ง เพื่อล้างคราบสกปรกที่ติดในกะทะ เสร็จแล้วจึงเทน้ำมันใหม่ลงไป พอน้ำมันเดือดจัด ก็ใช้ตะเกียบคีบหมูสามชั้นไว้เหนือกระทะ แล้วใช้ตะหลิวกลมตักน้ำมันขึ้นมาราดบนหมูเพื่อปรับอุณหภูมิสักสองสามที แล้วจึงเอาหมูลงไปทอดกับน้ำมัน ถ้าเอาหมูลงทอดเลยโดยไม่ปรับอุณหภูมิก่อน ไขมันในหมูจะแตกตัวแรงเกินไป ทำให้เกิดกลิ่นหืนภายหลังได้ เมื่อเอาหมูสามชั้นลงไปทอดแล้ว ก็คอยพลิกหมูไปมาเร็ว ๆ คอยสังเกตุฟองอากาศรอบ ๆ ชิ้นหมู ถ้าเริ่มมีน้อย ก็แสดงว่าหมูสุกใช้ได้แล้ว ก็เอามาขึ้นพักไว้ ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว การทอดหมู ก็คือการปรุงยิน(หมู)ด้วยหยาง(ไฟ)นั่นเอง
นึ่ง
เมื่อทำหมูเสร็จแล้วก็เอามีดมาหั่นหมูให้เป็นชิ้นพอคำ การหั่นก็หั่นตามขวาง ให้แต่ละชิ้นมีทั้งหนัง มัน และเนื้อ เสร็จแล้วก็มาทำผักต่อ เอาผักกาดขาว(ใช้แบบที่เป็นสีขาวหรือว่าสีเหลือง ไม่ใช่แบบเขียว ๆ ของจีน จริง ๆ ใช้ผักอื่นก็ได้ ที่เป็นสีขาว เช่นหัวไชเท้า )มาล้างให้สะอาด แล้วหั่นให้เป็นชิ้นใหญ่ ๆ การนึ่งผักนั้น ไม่ควรใช้ผักชิ้นเล็ก เพราะจะทำให้ผักเละไม่น่ากินและไม่ต้องกลัวว่าผักจะชิ้นใหญ่จนกินลำบากเพราะพอนึ่งเสร็จ ผักจะอ่อนตัวและคีบด้วยตะเกียบได้ง่ายเอง แต่การผัดผักนั้นจะต่างออกไป ควรจะหั่นผักให้เป็นชิ้นเล็กพอคำ เพราะว่าเมื่อผัดเสร็จ ผักจะยังคงรูปอยู่ ถ้าหั่นชิ้นใหญ่เกินไป จะกินลำบาก เมื่อหั่นผักเสร็จแล้ว ก็เอาผักมาเรียงในชามกระเบื้องสลับกับหมู การเรียงนั้น ให้เอาผักไว้ข้างนอกสุด ตามด้วยชั้นของหมู แล้วก็สลับด้วยชั้นของผัก ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนเกือบเต็มชาม เสร็จแล้ว ก็เอาน้ำซุบเทลงไปตรงกลาง ให้พอท่วมหมูและผัก และให้เครื่องยาจีนที่เหลือรวมกันอยู่ตรงกลางชาม เสร็จแล้วก็เอาหม้อนึ่งขึ้นตั้งไฟ พอน้ำเดือด ก็เอาชามผักและหมูขึนไปนึ่ง การนึ่งนั้น เป็นการใช้ยิน(น้ำและอากาศ)เข้าไปปลดปล่อยพลังของธาตุหยางในผัก แล้วให้ธาตุหยางในผัก เข้าไปผสมกับธาตุยินในหมู โดยใช้อากาศและไอน้ำ ซึ่งเป็นธาตุหยาง และ ชามกระเบื้อง(ดิน)ซึ่งเป็นธาตุยิน ทำหน้าที่ควบคุมการควบรวมกัน สิ่งสำคัญคือเครื่องยาจีนที่อยู่ตรงกลาง ซึ่งจะทำหน้าที่หมุนเวียนธาตุยินและหยาง(ภาษาจีนเรียก 自转) เหมือนกับสัญลักษณ์ยินหยางที่ต้องหมุนวนรอบ ๆ กัน นึ่งแบบปิดฝาใช้ไฟอ่อน ไปเรื่อย ๆ จนผักและหนังหมูเริ่มใส ก็ยกลง
เคี่ยว
พอยกหม้อนึ่งลง ก็เอากระทะมาตั้งไฟแรง ๆ เช่นกัน เทน้ำมันลงไปนิดหน่อยแล้วพลิกกระทะเร็ว ๆ แล้วจึงเทน้ำมันทิ้งเพื่อทำความสะอาดกระทะ เสร็จแล้วก็เร่งไฟจนสุด แล้วจึงเทเอาน้ำซุบที่อยู่ในชามกระเบื้องลงไปในกระทะ ใส่ซี่อิ้วขาวลงไปนิดหน่อยเพื่อลดความเลี่ยน แล้วก็ทำการเคี่ยวน้ำซุบไปเรื่อย ๆ จนน้ำซุบข้นเหนียว ก็เทราดลงไปบนผักและหมูที่อยู่ในชาม ก็เป็นการเสร็จสิ้นขบวนการ
ส่งท้าย
ชาวจีนโบราณจะใช้อาหารจานนี้เพื่อขัดเกลาลมปราณและฟอกกระดูกเส้นเอ็น ฯลฯ รวมถึงแก้ไขสมดุลย์ของธาตุด้วย เช่นผู้ฝึกกำลังภายในที่เกิดธาตุไฟเข้าแทรก ก็จะกินอาหารชามนี้ เพื่อปรับสมดุลย์ยิน(ลมและน้ำ) ให้สมดุลย์กับหยาง(ดินและไฟ) ถ้าใช้ควบคู่กับการฝึกสมาธิ (เพื่อประสานธาตุในตัวเข้ากับซีตามหลักฮวงจุ้ย) ก็จะฟื้นตัวได้เร็ว เรียกว่าเป็นการดึงเอาพลังของดินฟ้า(ยินหยาง) และพลังของชีวิต(ซี)มาช่วยปรับสมดุลย์ในตัวนั่นเอง
[1] 18 สุดยอดเครื่องยาจีนประกอบไปด้วย เก๋ากี้ โสม ตังกุย ตังเซียม ผ่อซัว ตังกุย พุทราจีนแดง เห็ดหอม กังป๋วย หอยสังข์ขาว หอยสังข์แดง เหล้าเช่าชิง หมูแฮม ไก่ดำ ปลิงทะเล กระเพาะปลาสด หูฉลาม เป๋าฮื้อ
วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2550
คั่วกลิ้ง

วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2550
ปูผัดพริกไทยดำ

วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2550
ปูผัดผงกระหรี่
เครื่องปรุง
- ปูทะเลขนาด 6 ขีด
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
- นมข้นจืด 1 ถ้วยตวง
- น้ำพริกเผา 2 ช้อนโต๊ะ
- คึ่นช่าย 2 ต้น
- หอมหัวใหญ่ ครึ่งหัว
- น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
- ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- ผงกระหรี่ 2 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียม 3-4 กลีบ
วิธีทำ
1. นึ่งปูทะเลทั้งตัวประมาณ 10 นาทีหรือจนสุกแล้วตัดเป็นชิ้นๆ ทุบๆให้แกะง่ายๆเวลากิน
2. ระหว่างรอปูก็เตรียมเครื่อง เอา ไข่ไก่ น้ำพริกเผา นมข้น ผงกระหรี่ ผสมให้เข้ากันแล้วพักไว้
3. ตั้งกระทะจนร้อนใส่น้ำมันลงไป ตามด้วยกระเทียม
4. กระเทียมเริ่มเหลืองแล้วหอมหัวใหญ่ ผัดจนใส ตามด้วยปูแล้วปรุงรสด้วย น้ำมันหอย ซอสปรุงรส น้ำตาล
5. ผัดปูกับเครื่องปรุงจนเข้ากันแล้วให้ใส่ ส่วนผสมในข้อสองลงไปผัดพอให้มันข้นขึ้นอย่าให้สุกเกินไปไม่งั้นไข่จะแข็งไม่อร่อย
6. โรยด้วยขึ้นช่าย หรือใครมีต้นหอมก็ใส่เพิ่มลงไปกินกับข้าวร้อนๆ อร่อยมากเลยค่ะ หรือใครจะเปลี่ยนจากปูเป็นอย่างอื่นก็ได้ค่ะตามชอบ
หมายเหตุ: เนื่องจากภาพประกอบเดิมหายไปพร้อมกับบลอคเก่า จึงนำภาพประกอบมาจาก https://www.flickr.com/photos/newdavich/5470381797/ ภายใต้สัญญาอนุญาต CC-by-nc 2.0
วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2550
แกงจืดเต้าหู้สาหร่าย

ข้าวผัดอเมริกัน

วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2550
หมูชุบไข่ทอด

อาหารสิ้นคิดอีกอย่างหนึ่ง วิธีการทำก็ไม่ยาก เริ่มจากเอาหมูสับมาผสมกับกระเทียมสับละเอียด น้ำปลา พริกไทย รากผักชี(ถ้ามี) นวดให้เข้ากันจนหมูสับเหนียว พอหมูสับเหนียวติดมือ ก็เอากระทะมาตั้ง น้ำมันเยอะหน่อย ไฟปานกลาง เสร็จแล้วก็เอาไข่มาตี พอน้ำมันร้อนดี ก็เอาหมูมาปั้นเป็นก้อน ๆ แล้วก็บีบให้แบน ๆ ไม่เช่นนั้น หมูตรงกลางจะไม่สุก พอปั้นเสร็จ ก็เอามาชุบไข่ทั้งสองด้าน แล้วก็เอาลงทอด คอยพลิกไปมา ไม่งั้นจะใหม้ พอไข่สุกเป็นสีน้ำตาลเข้ม ก็เอาขึ้นมาซับน้ำมัน กินกับข้าวร้อน ๆ และซอสศรีราชาก็อร่อยอิ่มท้องได้แล้ว
น้ำพริกอ่อง
หลังจากที่ไปกินอาหารเหนือมาเมื่อสองวันก่อนที่ร้าน "อร่อยไทย" ในชิคาโก แล้วก็มีพริกแกงแดงอยู่ที่บ้าน ก็เลยอยากทำน้ำพริกอ่องขึ้นมา ส่วนผสมก็ง่ายๆค่ะ มีหมูสับ, พริกแกงแดง, มะเขือเทศ, เห็ด, กระเทียม, หอมใหญ่, น้ำมันพืช, เกลือ และน้ำตาล วิธีทำก็คือ
1. ใส่น้ำมันลงกระทะผัดกับกระเทียมและพริกแกงแดงจนหอม
2. ใส่หมูสับลงไปผัด พอหมูสุกก็ใส่มะเขือเทศที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ผัดต่อให้น้ำมะเขือเทศออก
3. ใส่หอมใหญ่และเห็ดลงไปผัดต่อ ปรุงรสด้วยเกลือ และน้ำตาล
เคยกินข้าวผัดน้ำพริกปลาทู, ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ,... ก็เลยคิดว่าถ้าจะเอาน้ำพริกอ่องไปผัดกับข้าวด้วยก็คงจะเข้าท่าเหมือนกันค่ะ
วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2550
บร็อคโคลีผัดกุ้ง
ส่วนประกอบมีดังนี้
1. บร็อคโคลี หัวนี้ประมาณ 70 เพน กินได้สองจาน

2. กุ้งแพ็กสำเร็จ แกะเรียบร้อยไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม (ราคาแพงมาก 2 ขีด เกือบ 3 ปอนด์แน่ะ อยู่เมืองไทยซื้อได้โลนึง)

3. กระเทียม พริกสดนิดหน่อย
ขั้นตอน
1. บร็อคโคลีมาเป็นต้น หั่นให้เล็กพอดีคำ

2. ซอยกระเทียม+พริกตามลำดับ กุ้งก็ไม่ต้องทำอะไร

3. น้ำมันร้อน กระเทียมลง กุ้งตาม ใส่ซีอิ๊วกับพริกไทยเล็กน้อย
4. ซักพักก็ใส่พริกกับบร็อคโคลีตามลง ใส่น้ำมันหอย

5. เติมน้ำเล็กน้อยให้มีน้ำผัดราดข้าว ตั้งกระทะรออีกสักนิดให้น้ำระเหยกลายเป็นซอส จะให้ดีควรใส่แป้งเล็กน้อยให้เหนียวแต่ไม่มีก็ข้ามไป

สุดท้ายก็กินกับข้าวสวยอุ่นร้อนๆ อร่อยเยี่ยม
วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2550
ไก่กระเทียม
วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2550
ปอเปี๊ยะสด

ข้าวหมูกระเทียม
ตอนค่ำพอจะทำกับข้าว ปรากฎว่าเปิดตู้เย็นมาก็ถึงกับตกใจ เพราะลืมไปว่าผักหมด (เหลือแต่หมู) จะเดินไปซื้อก็กระไรเพราะว่ามันหนาว สุดท้ายเลย back to basic ทำหมูกระเทียมนี่ล่ะง่ายสุด
ขั้นตอนการทำหมูกระเทียมก็คงง่ายมากจนไม่ต้องอธิบายเยอะ เจียวกระเทียมหอมๆ เอาหมูตามลงไป ปรุงตัวน้ำปลากับพริกไทย ถ้าชอบหมูแข็งๆ กรอบๆ แบบผมก็ทอดนานหน่อย ที่สำคัญอย่าลืมเปิดพัดลมดูดอากาศเดี๋ยวฝรั่งมันด่า (บ้านเราไม่จำเป็น)
อันที่ยากคือหุงข้าวครับ เนื่องจากหม้อที่ได้มาเป็นหม้อหุงข้าวแบบใส่ไมโครเวฟ แล้วเกิดมาผมก็ไม่เคยทำมาก่อนเลย ไม่เป็นไร Google ช่วยได้ (วิธีทำ)
สรุปว่าซาวข้าวตามปกติ กะปริมาณข้าวให้ได้ซัก 1/3 ของหม้อ เยอะเกินเดี๋ยวล้น จากนั้นใส่น้ำลงไปประมาณเท่าตัวกว่าๆ ปิดฝาแล้วยัดเข้าไมโครเวฟ ทีนี้ขึ้นกับว่าไมโครเวฟไฟแรงแค่ไหน ของผมมันตั้งไฟไม่ได้แต่เขียนว่า 700 วัตต์ เลยตั้งเวลาประมาณ 10 นาที เสร็จแล้วก็ทิ้งไว้ซักพักรอให้ข้าวดูดน้ำเต็มที่ แล้วเราก็จะได้ข้าวสวยร้อนๆ กินกับหมูกระเทียม แหมถ้ามีไข่ดาวอีกฟองก็เจ๋งเลย แต่จะขโมยไข่ไก่ของแฟลตเมตก็กระไรอยู่ เอาแค่นี้ละกัน
ที่หอมีแต่ซอสมะเขือเทศ กินๆ ไปแล้วอยากได้ซอสพริกศรีราชาแฮะ
วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2550
พะโล้

น้องใหม่ของบล็อกค่ะชื่อเล็ก เรียนป.เอก Physiology ที่ UIC ค่ะ ที่มาที่ไปอย่างอื่นคงพอรู้กันแล้วมั้งคะ เพิ่งเอาเมนูพะโล้ลงอีกบล็อกนึงไปก่อนที่จะมีชื่อเป็นหนึ่งใน contributors บล็อกนี้อะค่ะ ทำเลยดีกว่าเนอะ
1. ต้มไข่ ใส่เกลือลงไปเล็กน้อยด้วยนะคะ ใช้เวลาประมาณสิบนาที
2. ต้มน้ำอีกหม้อนึงรอจนเดือด ใส่กระเทียมทุบลงไปซักสองสามกลีบ
3. ใส่น่องไก่ลงไป รอจนไก่สุกแล้วใส่ผงพะโล้พอให้มีกลิ่นหอม(อาจใส่ผงพะโล้ก่อนก็ได้นะคะ ขั้นตอนไม่ตายตัวอะ ส่วนกรณีที่กลัวว่าผงพะโล้จะลงไปนอนก้น ก็ใส่ผงพะโล้ลงไปก่อนแล้วกรองหลังจากนั้นค่อยใส่ไก่ลงไปต้มค่ะ)
4. ใส่ซีอิ๊วดำเพิ่มสีสัน แล้วปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล พริกไทย
5. เอาไข่ต้มที่ปอกเปลือกแล้ว และเต้าหู้ทอดที่หั่นเป็นชิ้นสามเหลี่ยมพอดีคำใส่ลงไป
6. เคี่ยวต่ออีกซักพักด้วยไฟอ่อนๆ ก็พร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ
สูตรนี้ดัดแปลงนิดหน่อยค่ะ เพราะน่าจะใส่ซีอิ๊วดำหวานแทนซีอิ๊วดำใสธรรมดา น่าจะใส่น้ำตาลปี๊บเพื่อเพิ่มความหอม แล้วก็ไม่แน่ใจว่าต้องใส่โป๊ยกั๊ก,รากผักชี แล้วก็อบเชยด้วยป่าว หรือว่าพวกนี้มันรวมอยู่ในผงพะโล้อยู่แล้วก็ไม่รู้อะ แต่สรุปก็คือของพวกนี้ที่บ้านไม่มีอะค่ะ อร่อยรึเปล่าต้องลองถามตุ๊กตาหรือกอล์ฟดูนะคะ
วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2550
บะหมี่ผัด
วัสดุที่ใช้มีดังนี้
อย่างสุดท้ายเป็นชุดผักสำหรับ Stir Fried สำเร็จรูป แพ็กเป็นถุงขายตามซูเปอร์ผัดได้ 2-3 จาน มีถั่วงอก แครอท กะหล่ำปลี ฯลฯ หั่นฝอยเรียบร้อยพร้อมใช้ เผอิญถ่ายมาแล้วเบลอเลยไม่ได้เอาลง
ขั้นตอนการทำ
- ต้มน้ำให้เดือด ใส่บะหมี่ลงไปพอประมาณที่จะรับประทาน จับเวลาประมาณ 3-4 นาที ระหว่างนี้ก็คนบ้าง
- หาชามอีกใบใส่น้ำเย็นรอไว้ พอคิดว่าได้ที่ก็คีบเส้นที่ต้มลงชามน้ำเย็นทันที แล้วรินน้ำทิ้ง
- ใส่น้ำมันพืชนิดหน่อยแล้วคลุกๆ กันเส้นติดกัน พักเส้นไว้แล้วไปตั้งไฟกระทะ
- เจียวกระเทียมก่อน ตามด้วยหมู
- พอหมูเริ่มสุกก็เอาเส้นลงผัด จังหวะนี้ใส่น้ำปลา+พริกไทยเล็กน้อย เครื่องปรุงจะติดเส้นช่วยเพิ่มรสชาติ
- เส้นได้ที่ก็เว้นที่ว่างในกระทะเอาผักลงตาม ใส่น้ำมันหอยผัดกับผัก แล้วผัดทุกอย่างรวมกัน แป๊บเดียวก็พอไม่ต้องผัดนาน
ผลงาน
French Toast with Strawberry Topping
